Tumgik
sinenisine · 2 years
Text
เทคนิคง่าย ๆ ในการทาลิปสติกสไตล์สาวเกาหลี น่ารักสดใสสุด ๆ
Tumblr media
4 เทคนิคการทาปากด้วยลิปแบบสาวเกาหลี
1. เลือกลิปกลอสความเงางามให้ลุคสดใส
เทคนิคแรกทาลิปแบบสาวเกาหลีคือ ให้ลิปกลอสที่มีความเงางามให้ลุคที่สดใส เริ่มต้นจากการทาสีนู้ดที่ริมฝีปากให้ทั่วเพื่อแลดูมีสุขภาพดี แล้วใช้ลิปที่สีเข้มขึ้นมาทาบริเวณกลางริมฝีปาก สุดท้ายทาลิปกลอสเกลี่ยสีออก เพิ่มความชุ่มชื้นพร้อมความสดใส
2. คอนตอนบัดกับคอนซีลเลอร์
เป็นการทาปากแบบ Ombre ช่วยปกปิดความคล้ำให้กลายเป็นคนดูสุขภาพดี เริ่มต้นโดยใช้มือหรือพัฟฟองน้ำทาคอนซีลเลอร์รอบขอบปาก แล้วทาลิปแมทที่ชอบลงไปที่กลางริมฝีปาก จากนั้นจึงใช้คอตตอนบัดมาเกลี่ยกระจายสีจากด้านในออกไปหาด้านนอก ทั้งนี้ ไม่ต้องเติมที่ริมฝีปากแต่อย่างใด
3. มีแค่ Tint แท่งเดียวก็ไหวอยู่
แม้จะมีแค่ลิปแบบทินท์อย่างเดียวก็สามารถได้สีปากแบบสาวเกาหลีได้ เพียงนำทินท์สีที่ชอบมาทาไว้ที่กลางริมฝีปาก จากนั้นก็ใช้นิ้วมือของเราเกลี่ยสีกระจายออกให้ดูฟุ้ง ๆ เป็นอันเสร็จ
4. ใช้ลิปสติก 2 สีไปเลย
ทำปากแบบเบลอ ๆ ตามสาวเกาหลีด้วย 2 สีลิป เริ่มจากทาคอนซีลเลอร์ที่ริมฝีปากแล้วทาลิปสีเข้มแท่งที่ 1 ลงที่ขอบปากจากนั้นใช้นิ้วหรือคอตตอนบัดเกลี่ยให้กระจาย แล้วใช้ลิปสีอ่อนอีกแท่งมาทาที่ริมฝีปากได้จากขอบด้านในได้เลย สุดท้ายเกลี่ยอีกรอบให้ทั้ง 2 สีผสานกัน
0 notes
sinenisine · 2 years
Text
ประเภทของเซรั่ม และความแตกต่างระหว่างครีมที่ใครอยากใช้งานต้องรู้
ประเภทของเซรั่ม และความแตกต่างระหว่างครีมที่ใครอยากใช้งานต้องรู้ หลาย ๆ คนมีความต้องการบำรุงผิวหน้ากันเป็นเรื่องปกติ ซึ่งสกินแคร์ที่ได้รับความนิยมคงหนีไม่พ้น “เซรั่ม” ทว่ายังมีอีกหลายคนที่ยังไม่เคยลองใช้งานและอยากรู้ว่าถ้าจะเลือกใช้แท้จริงมีกี่ประเภท แล้วความแตกต่างระหว่างครีมเป็นอย่างไร เอให้การใช้งานเป็นไปอย่างตอบโจทย์และเกิดความเข้าใจที่สุด วันนี้เรามีข้อมูลดี ๆ มาแนะนำ ประเภทของเซรั่มรู้ไว้เลือกใช้งานเหมาะสม ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ประเภทนี้มีให้เลือกหลากหลายประเภทปราศจากสารต่าง ๆ ที่มีความเสี่ยงพาผิวเกิดอาการแพ้ระคายเคือง ซึ่งจะมีคุณสมบัติช่วยที่แตกต่างกันออกไป โดยมีด้วยกัน 7 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้
ประเภทช่วยฟื้นฟูและซ่อมแซมผิวที่ตายแล้ว
ประเภทช่วยกระชับรูขุมขน
ประเภทเซรั่มหน้าใส ลบเลือนจดด่างดำบนผิวชั้นนอก
ประเภทลดรอยและป้องกันสิวที่อาจเกิดขึ้น
ประเภทช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นของผิวที่แห้งกร้านอันเกิดจากภายในเซลล์ผิว
ประเภทช่วยลดริ้วรอย
ความแตกต่างของผลิตภัณฑ์และครีมเป็นอย่างไร
บอกเลยว่าการจะบำรุงดูแลผิวต้องมีความเข้าใจถึงแต่ละผลิตภัณฑ์ เพื่อให้การใช้งานของเราไม่สับสน เห็นผลลัพธ์ตามที่ตั้งใจไว้ ซึ่งความแตกต่างของทั้ง 2 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่
1. ผลิตภัณฑ์เซรั่ม
เป็นผลิตภัณฑ์สกินแคร์ที่มีโมเลกุลเล็ก มีความเบาบางจึงสามารถซึมลึกลงสู่รูขุมขนชั้นผิวหนังได้เป็นอย่างดี เนื้อมีความเหลวไปจนถึงกึ่งเหลว และสีจะมีหลากหลายทั้ง ขุ่น สี หรือใสขึ้นอยู่กับส่วนประกอบที่มี ช่วยบำรุงผิวอย่างเต็มประสิทธิภาพด้วยความเข้มข้นที่มี ใช้ไม่กี่หยดแต่เห็นผลลัพธ์ทันใจ
2. ผลิตภัณฑ์ครีมบำรุงผิวหน้า
ในส่วนของครีมจะเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าที่มีเนื้อสัมผัสเข้มข้น เหนียว แต่ก็จะขึ้นอยู่กับลักษณะใช้งาน เช่น ใช้งานกลางวันก็จะเบาบางซึ่งมากกว่าทาก่อนนอน เรื่องเนื้อครีมจะเน้นไปทางขุ่นมากกว่า สร้างความชุ่มชื้นให้กับผิวเป็นอย่างดีเสมือนเป็นเกราะป้องกันเคลือบผิวไม่ทำให้ความชุ่มชื้นออกจากชั้นผิว เมื่อทาแล้วอาจต้องรอเวลาให้ผิวเซตตัวไม่เหมือนกับผลิตภัณฑ์สกินแคร์แรกที่ซึมลึกสู่ชั้นผิวทันที
จัดอันดับการบำรุงผิวเช้า – ก่อนนอน อยากเห็นผลต้องทาอย่างไร?
ในตอนเช้าให้เริ่มต้นล้างทำความสะอาดผิวหน้าด้วยโฟมล้างหน้าหลังจากนั้นก็ซับให้แห้ง แล้วใช้คลีนเซอร์เช็ดทำความสะอาดซ้ำ ต่อมาก็เช็ดโทนเนอร์เปิดรูขุมขน ตามด้วยเอสเซนส์ ครีมบำรุงรอบดวงตา เซรั่มเพื่อบำรุงผิวตรงลึกสู่รูขุมขน ใครอยากเพิ่มความชุ่มชื้นด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์ก็ได้ สุดท้ายจบด้วยทาครีมกันแดด ส่วนก่อนนอนคล้ายกันคือล้างหน้าด้วยโฟมล้างหน้าก่อนซับให้แห้ง (ใครมีเครื่องสำอางอย่าลืมล้างด้วยคลีนเซอร์ก่อน) ต่อด้วยโทนเนอร์เพื่อเปิดผิว ตามด้วยเอสเซนส์ ครีมบำรุงผิวรอบดวงตา ทรีทเม้นท์ ครีมบำรุงตอนกลางคืน ไม่ต้องทาครีมกันแดดนะ เพียงเท่านี้ก็ได้อันดับการทาที่ตอบโจทย์เห็นผลลัพธ์ดีแล้ว
จะเห็นได้ว่า
เซรั่ม
มีหลากหลายประเภทให้เลือกใช้งานขึ้นอยู่กับความต้องการที่อยากบำรุง แก้ไขเรื่องอะไร รวมถึงมีความแตกต่างจากครีมอย่างเห็นได้ชัด ตั้งแต่เนื้อสัมผัส คุณสมบัติ เนื้อสี ไปจนถึงการใช้งาน และหลังจากนี้ก็หวังว่าจะเรียงลำดับขั้นตอนการใช้งานทุก ๆ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้ากันได้อย่างราบรื่น เห็นผลลัพธ์เต็มประสิทธิภาพ
0 notes
sinenisine · 2 years
Text
เซรั่มหน้าใสและครีมหน้าขาวใส คู่หูวิตามินบำรุงใบหน้า
ขั้นตอนแรก: บำรุงผิวอย่างล้ำลึก
บำรุงผิวด้วยเซรั่มหน้าใส ที่จะซึมเข้าบำรุงผิวอย่างล้ำลึก ลดเลือนจุดด่างดำ รอยสิว รอยฝ้า ได้แบบคูณสาม ทั้งเรื่องจำนวน ขนาด และความเข้ม
ขั้นตอนที่สอง: ล็อคความชุ่มชื้นให้แก่ผิว
ใช้ ครีมหน้าขาวใส เพื่อล็อกความชุ่มชื้นให้แก่ผิว และเพื่อจัดการสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอให้กระจ่างใสด้วยสารสกัดจากวิตามินซี เพื่อช่วยลดโอกาสการเกิดจุดใหม่จากแสงแดด รวมทั้งลดปัญหาเรื่องฝ้า กระ จุดด่างดำต่าง ๆ ลดการเกิดผิวหมองคล้ำ
ทำไมใช้คู่กันถึงดีกว่าใช้เดี่ยว ๆ ?
เพราะว่าเซรั่มหน้าพุ่ง จะเข้าจัดการจุดดำ และสีผิวไม่สม่ำเสมอต่าง ๆ และ ส่วนครีมหน้าขาวใส ก็จะช่วยเสริมการทำงานของเซรั่ม โดยช่วยให้ผิวชุ่มชื้นด้วย Moisturizer และ ปกป้องผิวจากแสงแดด ผลลัพธ์ก็คือ ผิวได้รับการบำรุงให้ชุ่มชื้น สีผิวสม่ำเสมอขึ้นและจุดด่างดำดูจางลงและช่วยชะลอการเกิดจุดใหม่ได้เป็นอย่างดีเมื่อใช้คู่กัน
0 notes
sinenisine · 2 years
Text
รีวิว เซรั่มบำรุงผิวสูตรเข้มข้น Lancôme Génifique การันตี เห็นผลทันทีหลังใช้
Tumblr media
รีวิว เซรั่มบำรุงผิวสูตรเข้มข้น Lancôme Génifique การันตี เห็นผลทันทีหลังใช้ 
ปัญหาผิวอ่อนแอ ผิวเหนื่อยล้า สามารถฟื้นบำรุงผิวได้อย่างเหมาะสม ด้วยเซรั่ม  Lancôme Génifique ตัวช่วยกู้ฟื้นฟูปัญหาผิวทั้งหลาย เนื่องจากเซรั่ม อัดแน่นไปด้วยสารบำรุงเข้มข้น และมีเนื้อเป็นโมเลกุลขนาดเล็ก จึงสามารถซึมซาบสู่ผิวได้รวดเร็ว ล้ำลึก ช่วยแก้ปัญหาผิวได้ตรงจุด Lancôme Génifique ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสูตรใหม่ที่ทำให้คุณเพลิดเพลินไปกับการบำรุงผิว ด้วยสูตรผสมอันทรงประสิทธิภาพ face activated formula พร้อมปลอบประโลมผิวของคุณดูอ่อนเยาว์และเสริมสร้างความแข็งแรงให้ผิวด้วยความบริสุทธิ์ถึง 99 เปอร์เซ็นต์ Lancôme Génifique 
ปัญหาผิวเหนื่อยล้า ริ้วรอย และผิวอ่อนแอ เป็นปัญหาผิวที่สาว ๆ ไม่ควรมองข้าม เนื่องจากผลกระทบของปัญหาผิวเหล่านี้ อาจทำให้ผิวหนังเกิดความอ่อนแอมากกว่าปกติ เกิดการอักเสบ และทำให้ผิวร่วงโรยรวดเร็วกว่าเดิม ผลิตภัณฑ์ Lancôme Génifique พร้อมช่วยต่อต้านริ้วรอยแห่งวัยสำหรับทุกสภาพผิว จากผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่า Advanced Génifique ช่วยซ่อมแซมสัญญาณที่มองเห็นได้ทั้งหมดของริ้วรอยภายใน 7 วัน โดยส่วนผสมของเซรั่มเข้มข้นจะมุ่งตรงเข้าผิว จัดการฟื้นฟูให้ดูกระจ่างใสและอ่อนเยาว์ ด้วยคุณค่าแห่งสารสกัดจากธรรมชาติที่คู่ควรกับสาว ๆ ทุกคน
เคล็ดลับที่ไม่ลับฉบับ เซรั่มบำรุงผิวสูตรเข้มข้น จาก ลังโคม ควรใช้ควบคู่ไปกับผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เพื่อดูแลความงามของคุณให้ครบวงจร แนะนำ เซรั่มสูตรนี้เลยค่ะ 
0 notes
sinenisine · 2 years
Text
เครื่องสำอาง มาสคาร่า อายไลเนอร์ กับที่ดัดขนตาใช้ยังไง
ตอบคำถามสาว ๆ ให้กระจ่าง วิธีง่าย ๆ ในการใช้ที่ดัดขนตาเพื่อหมดปัญหาการใช้เครื่องสำอางอย่างมาสคาร่า – อายไลเนอร์ ไม่ให้มีปัญหาหน้าเลอะ ลบเลือน ดูไม่สวยงาม
วิธีใช้ที่ดัดขนตาหมดปัญหาเครื่องสำอาง “มาสคาร่า – อายไลเนอร์” ไม่ให้เลอะ ลบเลือน
เรียกได้ว่าเป็นปัญหาโลกแตกเลยทีเดียวกับวิธีการใช้ที่ดัดขนตาเพิ่มความโดดเด้งให้ขนตางอนสวย แท้จริงแล้วเราควรปัดมาสคาร่า กรีดอายไลเนอร์ก่อน หรือหลังใช้ที่ดัดขนตา และเพื่อให้เครื่องสำอางต่อดวงตาเหล่านี้ไม่มีเลอะหรือลบเลือนอีกต่อไป วันนี้เราจึงมี��ิธีการใช้งานที่เหมาะสมมาเล่าสู่กันฟัง
ประเภทของมาสคาร่าและอายไลเนอร์ที่ควรรู้จัก
ประเภทปัดขนตา แบ่งออกตามวัตถุประสงค์ใช้งาน เช่น ต้องการขนตายาวต้องใช้ขนแปรงที่ทำด้วยไฟเบอร์ ซ้อนกัน ขนาดแปรงเล็กและหัวแปรงควรเป็นทรงกลม ต้องการขนตาหนาให้ใช้ขนแปรงยาว รูปร่างปลายเล็กแหลมคล้ายดินสอ หรือต้องการขนตาธรรมชาติ แนะนำแบบสั้น ก้านใหญ่ ขนแปรงเป็นขดวงกลม ขอบนอกโค้งเข้าข้างใน และขนแปรงตั้งชันคล้ายทรงวงรี
ประเภทเครื่องสำอางกรีดเปลือกตา แบ่งออกเป็นแบบดินสอเขียนง่าย แต่สีไม่ชัดเจน, แบบลิควิดได้เส้นคมชัด เรียบเนียน แต่เขียนยาก อาจเลอะได้, แบบฝุ่นใช้แปรงแตะเนื้อผลิตภัณฑ์แล้วมาเกลี่ยเปลือกตา สามารถทาลองได้หลายสี แต่ลบออกง่าย, แบบปากกาช่วยให้ขนตาดูหนาได้ เขียนง่าย สีชัดเพิ่มความธรรมชาติ
วิธีใช้ที่ดัดขนตาไม่ให้มีปัญหาเลอะ หรือลบเลือน
เมื่อเราสามารถเลือกเครื่องสำอางทั้งที่ปัดขนตาและที่กรีดเปลือกตาได้เรียบร้อยแล้ว มาต่อกันที่เรื่องของวิธีใช้งานที่ดัดขนตาบ้าง เพราะหากใช้ถูกวิธีก็จะหมดปัญหาเมคอัพต่อดวงตาเลอะ หรือลบเลือนหาย
1. ใช้ที่ดัดขนตาก่อนเสมอ
แน่นอนว่าวิธีการใช้ที่ดัดขนตาก็คือการที่เราใช้งานก่อนกรีดอายไลเนอร์รวมถึงอายแชโดว์ เมื่อดัดเสร็จแล้วก็มากรีดตาพร้อมทาอายแชโดว์ได้เลย แล้วจึงดัดขนตาซ้ำอีกครั้งหนึ่งหลังจากทั้งทาและกรีดตาเรียบร้อยแล้ว สุดท้ายจึงค่อยปัดขนตาด้วยมาสคาร่าเพิ่มความเด้งงอนให้ดวงตาสวยสมใจ
2. ทำไมเราถึงต้องดัดขนตาก่อน
สำหรับเหตุผลที่เราต้องดัดขนตาก่อนลงเมคอัพดวงตาต่าง ๆ เป็นเพราะหากเราดัดหลังสุดจะทำให้ขนตาติดเนื้อผลิตภัณฑ์ปัดขนตาไปได้ ไม่เรียงตัวสวย เกิดปัญหาเมื่อเนื้อผลิตภัณฑ์แห้งเพราะจะทำให้ขนตาติดแข็ง กรอบ เผลอ ๆ ขนตาหลุดออกมาจนได้ ยิ่งดัดซ้ำยิ่งหลุดร่วงง่ายนั่นเอง และหาดเราดัดหลังกรีดตาอาจทำให้ลบเลือนเส้นที่ลากเอาไว้ได้เช่นกัน
3. วิธีการใช้ที่ดัดขนตาฉบับเจาะลึก
ในส่วนของวิธีใช้งานที่ดัดขนตาอย่างถูกต้อง เราต้องใส่ช่วงหัวให้ใช้โคนขนตา จากนั้นก็กดดัดได้ โดยค่อย ๆ ขยับย้ำซ้ำ ๆ อาจจะขยี้ออกเล็กน้อยเพื่อให้ขนตาเรียงตัว แล้วจึงมาดัดช่วงกลางขนให้งอนขึ้นกว่าเดิม เพียงเท่านี้ก็ได้ขนตาสวยตามต้องการแล้ว
เมคอัพแต่งตาแบบไหนบ้างที่ควรเก็บไว้ในตู้เย็น?
หลายคนเข้าใจว่าเครื่องสำอางไม่จำเป็นต้องเก็บไว้ในตู้เย็น แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่ทั้งหมด เพราะมีบางอย่างควรเก็บในตู้เย็นเพื่อยืดอายุการใช้งานอย่าง eyeliner แป้งพัฟ ที่ใช้กรีดเปลือกตาเพราะจะทำให้ใช้งานง่ายมากขึ้น ได้เส้นสีที่คมชัดเรียบเนียน ขณะที่อายแชโดว์หรือมาสคาร่า  แนะนำให้เ���็บไว้ในอุณหภูมิห้องพอเพราะผลิตภัณฑ์ที่เป็นผงอัดแน่นจะทำให้เกิดความชื้นได้ง่าย ๆ หรือแบบน้ำอาจจะแข็งจับตัว เนื้อแห้งใช้งานไม่ได้อีก
และทั้งหมดนี้ก็เป็นรายละเอียดต่าง ๆ ของเครื่องสำอาง  ต่อดวงตา “มาสคาร่าและอายไลเนอร์ ” ทั้งเรื่องของประเภทที่ต้องเลือกตามความเหมาะสมการใช้งาน และวิธีใช้ที่ดัดขนตาที่ถูกต้องไม่ทำให้เลอะ หรือลบเลือนทำให้ต้องเสียเวลาลงใหม่ คงช่วยใครหลายคนได้ไม่มากก็น้อย
0 notes
sinenisine · 2 years
Text
สิวอักเสบ รู้สาเหตุการเกิดสิวและการดูแลที่เหมาะสม
ปัจจัยที่ทำให้เกิดสิวอักเสบ
         สิวอักเสบเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ โดยมากมักเกิดจากการอุดตันของรูขุมขนและต่อมไขมันใต้ผิวหนัง ร่วมกับการติดเชื้อแบคทีเรีย จึงทำให้เป็นสิวและมีอาการอักเสบขึ้น ปัจจุบันยังพบว่าการเสียสมดุลของแบคทีเรียบนผิว คือการพบแบคทีเรียตัวร้ายก่อโรคตัวสำคัญคือ S. aureus จำนวนมาก ส่งผลทำให้แบคทีเรียชนิดอื่น ๆ เปลี่ยนแปลงไป และยังทำให้มีอาการอักเสบเพิ่มมากขึ้น อาจกล่าวได้ว่าการเกิดสิวอักเสบไม่ใช่เกิดจากแบคทีเรีย C.acne เพียงเท่านั้นแต่ยังเป็นผลจากการเสียสมดุลของแบคทเรียบนผิวด้วย นอกจากนี้แล้ว ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจทำให้เกิดสิวอักเสบได้เช่นกัน
แบคทีเรียที่มาพร้อมกับน้ำมันจากต่อมไขมัน เป็นตัวกระตุ้นที่ทำให้เกิดสิวอักเสบ บวมแดง และเป็นหนอง
การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีฤทธิ์รุนแรง ไม่เหมาะกับผิวหน้า ทำให้ผิวเกิดความระคายเคือง และกลายเป็นสิวได้
ฮอร์โมนเทสโทสเตอร์โรน (Testosterone) หากมีฮอร์โมนนี้ในปริมาณที่สูง จะทำให้เกิดสิวได้ง่าย
อาหารกระตุ้นสิว มีส่วนที่ทำให้เกิดสิวอักเสบได้ เช่น อาหารทอด อาหารมัน เป็นต้น ซึ่งขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ดังนั้นเราต้องหมั่นสังเกตว่าอาหารหรือเครื่องดื่มใดที่เมื่อเรารับประทานแล้วทำให้เกิดปัญหาสิว ก็ต้องเลี่ยงอาหารดังกล่าว
กรรมพันธุ์ เป็นการถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น แม้จะหลีกเลี่ยงการเกิดสิวที่มาจากพันธุกรรมได้ยาก แต่ป้องกันได้ด้วยการดูแลผิวด้านอื่น ๆ แทน
การบีบ/แคะ/แกะ/กดสิว การเกิดสิวอักเสบส่วนหนึ่งมาจากการไปรบกวนหรือการสัมผ้สผิวหน้า เช่นการ บีบ/ แคะ/แกะ/กดสิว ซึ่งเป็นการกระตุ้นให้ผิวหนังบริเวณที่เป็นสิวอักเสบมากยิ่งขึ้น
ความเครียดและการนอนดึก/นอนน้อยก็เป็นอีกสาเหตุสำคัญที่ไปทำให้ฮอร์โมนในร่างกายของเราทำงานผิดปกติ ส่งผลให้เกิดปัญหาสิวเพิ่มมากขึ้นได้การพักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้ร่างกายทำงานผิดปกติ จนไม่สามารถต่อสู้กับแบคทีเรียได้ รวมไปถึงการเกิดทั้งสิวอุดตันและสิวอักเสบด้วย
วิธีดูแลและป้องกันสิวอักเสบ
เลือกใช้ครีมรักษาสิว          การป้องกันการเกิดสิวมีอยู่ด้วยกันหลายวิธี แต่เลือกใช้ผลิตภัณฑ์รักษาสิว เช่น ครีมรักษาสิวอักเสบ เป็นอีกวิธีที่ได้รับความนิยมไม่แพ้วิธีอื่น ๆ เพราะสะดวก มีให้เลือกหลากหลาย ทั้งครีมรักษาสิวผู้หญิง และครีมรักษาสิวผู้ชาย ที่สามารถหาซื้อได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องใช้ใบสั่งแพทย์ และมีผลข้างเคียงน้อยกว่าการใช้ยาประเภทรับประทาน แต่ก็ต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับอาการที่เป็น และเป็นผลิตภัณฑ์ที่น่าเชื่อถือ
0 notes
sinenisine · 2 years
Text
มาทำความรู้จักกับรูปแบบของเครื่องสำอางประเภทดินสอเขียนคิ้ว พร้อมเผยเทคนิคง่าย ๆ ในการเขียนคิ้วเพื่อให้ออกมาดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด ไม่หลอกตา สวยได้สไตล์ทุกคน
Tumblr media
ทำความรู้จัก! รูปแบบของเครื่องสำอางประเภทดินสอเขียนคิ้ว และเทคนิคการเขียนที่เป็นธรรมชาติ “เพราะคิ้วคือมงกุฎของใบหน้า” วลีเด็ดนี้ใคร ๆ ก็ต่างเคยได้ยินกันทั้งนั้น แน่นอนว่าในการแต่งหน้าเครื่องสำอางประเภทดินสอเขียนคิ้วถูกเลือกใช้งานมากที่สุดเพราะเขียนง่าย จับถนัด แถมมีราคาถูก ซึ่งรู้หรือไม่!? ว่าดินสอเขียนคิ้วนั้นมีหลากหลายรูปแบบให้เลือก หากใครไม่รู้บทความนี้มีมาแนะนำ รวมทั้งเผยเทคนิคการเขียนที่เป็นธรรมชาติด้วย รูปแบบของดินสอเขียนคิ้วที่คุณเลือกใช้งานเองได้ง่าย ๆ ปกติแล้วเครื่องสำอางประเภทที่เขียนคิ้วมีให้เลือกมากมาย หนึ่งในนั้นก็จะมาเป็นรูปแบบของดินสอ ซึ่งรูปแบบดินสอก็ยังมีแยกย่อยออกไปให้เราเลือกใช้งานเองได้ง่าย ๆ โดยมีรายละเอียด ดังนี้ - ดินสอเขียนคิ้วแบบปลายตัด จะเหมาะกับสาว ๆ มือใหม่ที่เพิ่งหัดเขียน โดยส่วนหัวดินสอจะตัดปลาย ทำให้สามารถวัดเส้นและสร้างโครงแม่นยำ - ดินสอเขียนคิ้วแบบเนื้อครีม จะทำให้ได้เส้นคิ้วที่คมชัดเจน ทรงสวย เขียนแล้วละลายได้ดี เขียนง่าย ซึ่งจะมีแปรงเขียนคิ้วเข้ามาช่วยเพิ่มความสวยงามด้วย - ดินสอเขียนคิ้วแบบหัวเล็ก เหมาะกับคนที่ต้องการความธรรมชาติ เขียนเหมือนไม่ได้เขียน ซึ่งส่วนหัวจะเล็กมาก สามารถใช้ถมสีหัวคิ้วได้ดี เทคนิคการเขียนเครื่องสำอางเขียนคิ้วที่เป็นธรรมชาติ 1. กันคิ้วให้ได้รูปทรงที่ต้องการ เริ่มต้นเลยคือการกันคิ้วด้วยใบมีดโกน ซึ่งเราต้องวาดทรงคิ้วที่ต้องการไว้ก่อน แล้วค่อย ๆ กันไปตามทรงช้า ๆ ป้องกันคิ้วแหว่ง การกันจะต้องนำใบมีดอยู่นอกกรอบคิ้วกันจนได้ทรงที่ต้องการตามที่วาดเอาไว้ 2. นำดินสอเขียนคิ้วมาวาดโครง ต่อมาให้นำดินสอเขียนคิ้วที่มีมาวาดเป็นโครง โดยเริ่มต้นจากกึ่งกลางแล้ววาดไปหางคิ้วอย่างเบามือ เพราะการเขียนเข้มเกินไปจะทำให้ได้เส้นคมชัดเกินธรรมชาติ ส่วนด้านล่างก็เขียนให้ชิดคิ้วมากที่สุด จากนั้นค่อย ๆ ถมสีลงไปโดยเหลือช่วงหัวคิ้วเอาไว้ อย่าถมเข้มมากเดี๋ยวจะกลายเป็นปลิง 3. เกลี่ยสีไปหาหัวคิ้ว หลังจากที่ถมสีช่วงกึ่งกลางไปถึงหางคิ้วแล้ว ก็ทำการเกลี่ยสีออกมาทางหัวคิ้วเบา ๆ อาจจะใช้แปรงที่มีความให้กับดินสอเขียนคิ้วก็ได้ ซึ่งการทำเช่นนี้จะช่วยให้เรามีคิ้วที่สวยงามเป็นธรรมชาติ แต่อย่าเบลนด์มากไปจนออกนอกกรอบคิ้วนะ 4. ใช้มาสคาร่าคิ้วปัดเพิ่ม สุดท้ายคือการใช้มาสคาร่าคิ้วมาปัด ๆ ที่ไปขนคิ้วหลังจากเขียนเสร็จ ค่อย ๆ ไล่จากหัวคิ้วไปหาหางคิ้วเบา ๆ ปีดตั้งขึ้นจะทำให้มีขนดกฟู ดูมีหัวหนาสวยคม เลือกสีดินสอเขียนคิ้วให้เหมาะสมกับสีผม การเลือกสีไม่ยุ่งยากหากคุณมีสีผมเป็นสีดำปกติไม่ได้ย้อม หรือมีสีผมเข้มมาก แนะนำว่าให้ใช้เครื่องสำอางเขียนคิ้วเป็นสีน้ำตาลเข้ม หรือมีดำเหมือนผมเลยก็ได้ แต่ไม่แนะนำสีอ่อนเพราะจะทำให้คิ้วลอยแปลกตา ส่วนผมโทนสีอ่อน สีน้ำตาลอ่อนให้เลือกดินสอสีน้ำตาลทอง สีคาราเมล สีน้ำตาลอ่อนได้ ส่วนผมสีโทนเย็น อย่างสีม่วง สีฟ้า สีฟ้าอมเขียว แนะนำให้เลือกดินสอสีเทา หรืออาจใช้น้ำตาลเข้มก็ได้ ส่วนผมโทนร้อน  อย่างสีแดง สีชมพูควรเลือกดินสอสีน้ำตาลแดง อย่าปล่อยให้เป็นคิ้วปกติ หรือน้ำตาลเข้มจะทำให้หลอกตา อย่างไรก็ตาม การเก็บรักษาเครื่องสำอางอย่าง ดินสอเขียนคิ้ว บางคนอาจไม่รู้จึงอยากแนะนำว่าให้เก็บเข้าตู้เย็นไปเลย เพราะความเย็นจะช่วยให้เนื้อสัมผัสคงที่ เพิ่มประสิทธิภาพในการเขียนทำให้ได้เส้นคมชัดเจน ละลายได้ดียิ่งขึ้นไป
0 notes
sinenisine · 2 years
Text
รวม 5 วิธีและครีมลดรอยสิว รอยด่างดำ ใช้ดีได้ผลจริง
อีกปัญหาที่ตามมาหลังจากที่เราเป็นสิวแล้วก็คือรอยสิวที่ล้วนมีโอกาสเกิดได้ แม้จะพยายามไม่บีบ แคะ แกะ เกาแล้วก็ตาม พาให้ปวดหัว แต่ถึงกระนั้นก็มีตัวช่วยที่น่าสนใจอย่างครีมลดรอยสิว จุดด่างดำอยู่ด้วย ทว่าควรเลือกจากส่วนผสมใดบ้างนี่คงเป็นคำถามที่ต้องการคำตอบอย่างแน่นอน
รอยสิวเกิดจากอะไร?
รอยสิว (Acne Scar) คือรอยแผลเป็นที่หลงเหลือจากการเป็นสิวบนใบหน้า หลังจากที่สิวหายแล้วจะทิ้งร่องรอยเอาไว้ เราอาจเรียกร่องรอยของการเป็นสิวว่าเป็นขั้นตอนการฟื้นฟูสภาพผิว จึงปรากฏให้เห็นเป็นรอยสิวในรูปแบบต่าง ๆ บนผิวหนัง เช่น รอยดำ รอยแดง รอยแผลเป็นนูน หรือหลุมสิวไว้บนใบหน้า แต่กว่าที่รอยสิวจะหายไปจากใบหน้าของเราอาจต้องใช้เวลานาน เราจึงต้องรักษาและป้องกันรอยสิวตั้งแต่เนิ่น ๆ คือตั้งแต่หลังจากการเกิดสิว ก็จะช่วยให้รอยสิวหายเร็วขึ้น เมื่อรอยสิวหายไปความมั่นใจก็กลับมาเร็วขึ้น
การป้องกันและวิธีลดรอยสิว
รอยสิวที่เกิดขึ้นบนใบหน้าจะหายช้าหรือเร็วนั้น ขึ้นอยู่กับความรุนแรงและประเภทของสิวที่เป็น สิวที่ทิ้งแผลเป็นรุนแรงหรือมีลักษณะเป็นรอยสิว อาจไม่หายได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว แต่จะค่อย ๆ เลือนลางไปตามเวลา รวมถึงการดูแลรักษาอย่างต่อเนื่องด้วยการใช้ครีมลดรอยสิว เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ปกปิดร่องรอย รวมถึงวิธีป้องกันและลดรอยสิวแบบอื่น ๆ ที่จะช่วยให้รอยสิวหายไปจากใบหน้าได้เร็วขึ้น
วิตามินช่วยลดรอยสิว
การทานวิตามินช่วยลดรอยสิว เหมาะกับคนที่ไม่ชอบทาครีมหรือทายา แต่อาจต้องใช้ระยะเวลาค่อนข้างนานจึงจะเห็นผล อย่างน้อย 1-2 เดือน และต้องทานอย่างต่อเนื่องจึงจะเห็นผล โดยวิตามินที่นิยมใช้ในการช่วยลดรอยสิวที่รู้จักกัน ได้แก่ วิตามินซี วิตามินอี แต่ก่อนจะเลือกซื้อวิตามินควรหาข้อมูลให้ถี่ถ้วนก่อ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงกับความต้องการและไม่เกิดผลข้างเคียง
เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์
ผักและผลไม้ส่วนใหญ่มักมีวิตามินที่มีประโยชน์กับผิว และมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยจัดการปัญหาสิวได้อีกด้วย การเลือกรับประทานผลไม้ช่วยให้เกิดประโยชน์กับร่างกายจากภายใน แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถนำผลไม้ เช่น มะละกอ มะเขือเทศ ว่านหางจระเข้ น้ำผึ้ง แตงกวา เหล่านี้ นำมาปั่นแล้วพอกหน้า หรือฝานแล้ววางลงบนบริเวณที่มีรอยสิว ก็จะช่วยรอยสิวที่เป็นปัญหาจางหายไปได้เร็วขึ้น และยังเป็นการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับใบหน้าไปในตัว
หลีกเลี่ยงการแกะ เกา หรือบีบสิว
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการเกิดรอยสิวนั้น ส่วนหนึ่งเกิดจากการแกะ เกา สัมผัสใบหน้าจนเกิดการอักเสบ หรือแม้แต่การบีบสิวที่อาจทิ้งร่องรอยไว้บนใบหน้า หากไม่ต้องการให้เกิดร่องรอยเหล่านั้น ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าเพราะจะเป็นการกระตุ้นให้เกิดการอักเสบ และอาจทำให้เกิดรอยแผลแม้ว่าสิวจะหายไปแล้วก็ตา
หลีกเลี่ยงแสงแดด
แสงแดดเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ผิวถูกทำร้าย ไม่ว่าจะเป็นรอยแดงที่เกิดจากการเผาไหม้ของแดด ฝ้า กระต่าง ๆ นอกจากนี้แล้วแสงแดดยังเป็นตัวกระตุ้นที่ทำให้รอยดำจากสิวมีสีเข้มขึ้น สีผิวไม่สม่ำเสมอ เราจึงควรทาครีมกันแดดเป็นประจำ เพื่อช่วยปกป้องผิวและลดรอยสิวให้จางลง
เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ครีมลดรอยสิว
กว่ารอยสิวจะหายไปจากใบหน้าจะหายไปเอง อาจต้องใช้เวลาเป็นเดือน ๆ หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกวิธี การใช้ครีมลดรอยสิวเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะทำให้รอยสิวเหล่านั้นจางหายไปเร็วขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของรอยสิวที่เป็นด้วยเช่นกัน และการใช้ครีมลดสิวก็ต้องใช้เวลาและความต่อเนื่อง แล้วใบหน้าของเราก็จะกลับมาขาวใส ไร้รอยสิวได้อีกครั้ง
0 notes
sinenisine · 2 years
Text
เคล็ดลับการดูแลปัญหาริ้วรอย เพื่อคืนความอ่อนเยาว์ให้ผิว
 ปัญหาริ้วรอยทั้งริ้วรอยตื้น ริ้วรอยลึก ริ้วรอยจากการแสดงอารมณ์ ผิวหย่อนคล้อย ผิวไม่เฟิร์ม ขาดความตึงกระชับ แลดูไม่อ่อนเยาว์เหมือนแต่ก่อน... สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปัญหาผิวที่ไม่มีใครต้องการให้เกิดขึ้นกันทั้งนั้น ยิ่งถ้าเราเป็นคนที่มีปัญหาผิวบอบบาง แพ้ง่ายด้วยแล้ว ปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้ จะยิ่งทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น เช่น ร่องริ้วรอยก็จะลึกกว่า หรือเกิดริ้วรอยได้เร็วกว่า��นอื่น วันนี้เป็นโอกาสอันดีที่จะมาเล่าให้ฟังถึงเคล็ดลับการดูแลผิว เพื่อคืนความอ่อนเยาว์กลับมาอีกครั้ง
Tumblr media
ปัจจัยที่ทำให้เกิดริ้วรอย
       เมื่ออายุเราเพิ่มขึ้น การสร้างเส้นใยต่าง ๆ ในผิว ผ่านการทำงานของไฟโบรบลาสท์นั้นก็เริ่มลดลง ประกอบกับมีการทำลายเส้นใยเหล่านี้มากยิ่งขึ้นจากเอนไซม์ในร่างกายของเราเอง เช่น เอนไซม์เมทริกเมทาโลโปรทีเนส หรือ เอนไซม์ไฮยาลูรอนิเดส นี่คือสาเหตุที่ทำให้เมื่ออายุมากขึ้น ผิวก็มีการเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา เกิดเป็นร่องริ้วรอย และผิวขาดความเฟิร์มนั่นเอง
เคยสังเกตไหมว่า? เรากับเพื่อนของเราที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน แต่ทำไมมีความอ่อนเยาว์ ความลึกของร่องริ้วรอย หรือความตึงกระชับของรูปหน้าเป็น V shape ที่ไม่เท่ากัน... ทั้งนี้เกิดมาจากยังมีอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลต่อการเกิดริ้วรอยซึ่งก็คือ ปัจจัยทำร้ายผิว ที่เราเรียกว่า Exposome นั่นเอง ไม่ว่าจะเป็น
ปัจจัยภายนอก เช่น รังสี UV ฝุ่นควัน มลภาวะ ควันบุหรี่ การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
ปัจจัยภายใน เช่น ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต การนอนหลับพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ ความเครียด หรือแม้กระทั่งการรับประทานอาหารที่ทำให้ได้รับสารอาหารที่ไม่สมดุล
สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยที่เร่ง ทำให้เกิดริ้วรอยร่องลึก หรือผิวหย่อนคล้อยเร็วยิ่งขึ้น ส่งผลให้ใบหน้าแลดูแก่ก่อนวัยอันควร
นอกจากนี้ ในผลิตภัณฑ์ยังมี Vitamin CG ซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของวิตามินซี ที่มีการพิสูจน์แล้วว่า ช่วยกระตุ้นการสร้างเส้นใยคอลลาเจน เพื่อชั้นโครงสร้างผิวที่ตึงกระชับ อีกทั้งยังช่วยปรับสีผิวให้ขาวกระจ่างใสขึ้นได้ ลดปัญหาผิวหน้าหมอง หน้าโทรม และช่วยลดจุดด่างดำที่ผิวได้ ผิวจึงแลดูอ่อนเยาว์ขึ้นจากการทำงานร่วมกันของสารสำคัญดังกล่าว อีกทั้งยังมีส่วนผสมจาก น้ำแร่ภูเขาไฟวิชี่ ที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุที่จำเป็นต่อผิวถึง 15 ชนิด ซึ่งมีคุณสมบัติในการปรับสมดุลค่า pH หรือค่าความเป็นกรดเป็นด่างของผิว ช่วยในการเสริมสร้างเซลล์ใหม่ในกระบวนการ Cell Regeneration ทำให้ปราการผิวแข็งแรง และมีส่วนช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระ เพราะช่วยส่งเสริมการทำงานของเอนไซม์ ซุปเปอร์ออกไซด์ดิสมิวเตส
ขอขอบคุณบทความดีๆ https://vichy-th.com/take-care-of-aging-problems 
0 notes
sinenisine · 2 years
Text
มาเปรียบเทียบดูว่าค่า SPF & PA ในผลิตภัณฑ์กันแดดจะช่วยปกป้องผิวได้มากน้อยแค่ไหน
มาเปรียบเทียบดูว่าค่า SPF & PA ในผลิตภัณฑ์กันแดดจะช่วยปกป้องผิวได้มากน้อยแค่ไหน รวมถึงมีวิธีในการทาอย่างไรดีเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพอย่างที่คาดหวังเอาไว้
Tumblr media
เปรียบเทียบกันแดดจากค่า SPF & PA ช่วยปกป้องผิวมากแค่ไหน ทาอย่างไรให้ได้ประสิทธิภาพ
ค่า SPF/PA ที่มีอยู่ในกันแดดเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความสามารถในการปกป้องผิวจากแสงแดด ซึ่งค่า SPF ก็จะปกป้องผิวจากรังสี UVB ส่วนค่า PA ก็จะปกป้องผิวจากรังสี UVA แต่ถึงอย่างนั้นคนจำนวนไม่น้อยก็อยากรู้ว่าแต่ละค่าการปกป้องนี้ช่วยผิวจากแสงแดดได้ในระดับไหนบ้าง แล้วจะทาอย่างไรให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด บทความนี้ไม่รอช้า จึงได้รวบรวมมาเปรียบเทียบให้เห็นชัด ๆ รวมทั้งแนะนำการทาผลิตภัณฑ์ตามคำขอเปรียบเทียบค่า SPF/PA ในผลิตภัณฑ์ปกป้องผิวจากแสงแดดวันเราจะพาทุก ๆ คนไปเปรียบเทียบครีมกันแดดจากค่า SPF/PA ที่แต่ละผลิตภัณฑ์ก็มีให้ต่างกันออกไป ค่าเท่าไหร่จะสามารถปกป้องผิวระดับไหน?- ค่า SPF 10 – 20 & PA+ มีความสามารถปกป้องผิวจากแสงแดดได้นาน 200 นาที (3.20 ชั่วโมง) ซึ่งถือว่าปกป้องผิวได้น้อย ไม่แนะนำให้ออกจากบ้าน- ค่า SPF 30 & PA++ มีความสามารถปกป้องผิวจากแสงแดดได้นาน 600 นาที (10 ชั่วโมง) ซึ่งถือว่าปกป้องผิวได้ปานกลาง ทำกิจกรรมข้างนอกได้แต่ไม่ควรนาน- ค่า SPF 40 & PA+++ ในกันแดดมีความสามารถปกป้องผิวจากแสงแดดได้นาน 800 นาที (13.20 ชั่วโมง) ซึ่งถือว่าปกป้องผิวได้มาก ทำกิจกรรมกลางแจ้งได้เป็นพัก ๆ- ค่า SPF 50 & PA+++ มีความสามารถปกป้องผิวจากแสงแดดได้นาน 1000 นาที (16.40 ชั่วโมง) ซึ่งถือว่าปกป้องผิวมากที่สุด ทำกิจกรรมกลางแจ้งได้นานผิวไม่ไหม้เปิด 4 ทริคการทากันแดดให้ได้ประสิทธิภาพขั้นสุด1. ให้ตรวจสอบอาการแพ้เบื้องต้นก่อนเสมอใครที่ซื้อผลิตภัณฑ์ครีมมาแล้วอย่าเพิ่งทาทันทีทันใด ให้ลองตรวจสอบอาการแพ้เบื้องต้นก่อนเสมอ เริ่มต้นจากการทาไปที่ใต้ท้องแขน จากนั้นรอประมาณ 15 นาที หากมีอาการแพ้ระคายเคือง คัน ผื่น บวมให้เปลี่ยนใหม่ แต่บางคนรอ 15 นาทีไม่เห็นผล แนะนำให้ทารอดูอาการ 24 – 48 ชั่วโมงไปเลย ทีนี้รู้ผลชัดเจน2. บีบครีมกันแดดหน้า 2 ข้อนิ้วมือหลังจากที่ตรวจสอบอาการแพ้เรียบร้อยแล้ว ให้ทาผลิตภัณฑ์ในปริมาณที่เหมาะสมไม่น้อยหรือมากจนเกินไป ดังนั้น ให้บีบผลิตภัณฑ์ออกมาประมาณ 2 ข้อนิ้วมือของแต่ละคน ซึ่งถือเป็นปริมาณที่เหมาะสมกับใบหน้าคนคนนั้นแล้ว3. ทาด้วยนิ้วกลางหรือนางในข้างที่ไม่ถนัดต่อมาให้ลงมือทาผลิตภัณฑ์โดยใช้นิ้วกลาง หรือนิ้วนางตามความถนัดใครถนัดใช้มือขวาให้เลือกมือซ้ายทา ส่วนใครถนัดมือซ้ายให้เลือกมือขวาทา เพื่อไม่เป็นการลงแรงเสียดสีผิวหน้าจนเกินไป แล้วทากระจายเนื้อผลิตภัณฑ์ให้ทั่วใบหน้า4. รอจนแห้งแล้วทำกิจกรรมอื่นต่อได้สุดท้ายหลังจากที่ลงมือทาผลิตภัณฑ์เสร็จให้รอจนกว่าเนื้อครีมจะซึมลึกลงสู่ชั้นผิวไป โดยอาจจะลองสัมผัสแตะนิ้วทั้ง 4 (นิ้วชี้, นิ้วกลาง, นิ้วนาง และนิ้วก้อย) ลงที่ใบหน้าเบา ๆ หากไม่มีสัมผัสเหนียวเหนอะหนะแล้วจึงเริ่มแต่งหน้า หรือทำขั้นตอนอื่นต่อได้เลยอาการแพ้ผลิตภัณฑ์ครีมจากสารเคมีที่ผสมปัจจุบันกันแดดที่ใช้มักมีส่วนผสมของสารเคมีปะปนอยู่โดยที่เราอาจคาดไม่ถึง ซึ่งแต่ละชนิดมีการออกฤทธิ์ทำร้ายผิวที่แตกต่างกันออกไปใครที่รู้ตัวว่าเป็นคนผิวบอบบาง แพ้ง่ายยิ่งต้องระวัง อย่าง ผลิตภัณฑ์รูปแบบ chemical มีโอกาสเกิดอาการแพ้ระคายเคือง เป็นผื่น บวม แดงได้สูง เพราะมีสารเคมีตระกูล preservative, PABA, antioxidant, emulsifier หรือ Benzophenones ส่วนรูปแบบที่ค่อนข้างเกิดอาการแพ้ระคายเคืองน้อย ค่อนข้างปลอดภัยต่อผิวหนังสูงจะเป็นผลิตภัณฑ์รูปแบบ physicalอย่างไรก็ตาม ด้วยสภาพผิวแต่ละคนที่มีต่างกันออกไปทำให้ยิ่งต้องใส่ใจเลือกซื้อกันแดดที่เหมาะสมอย่างที่สุด ไม่ว่าจะผิวบอบบางแพ้ง่าย เป็นสิวที่ควรเลือกผลิตภัณฑ์จากสารสกัดธรรมชาติ ปราศจากส่วนผสมของพาราเบน น้ำหอม แอลกอฮอล์ สีสังเคราะห์ หรือหากใครที่มีผิวมัน ผิวผสมแนะนำให้ใช้ครีมกันแดดคุมมันที่ปราศจาก Oil ไม่ทำให้รูขุมขนอุดตัน ที่สำคัญค่า SPF/PA ก็ควรเลือกอย่างเหมาะสมตอบไลฟ์สไตล์ด้วย เพื่อที่จะสามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างมั่นใจ
0 notes
sinenisine · 2 years
Text
รู้จักสาเหตุการเกิดจุดด่างดำ พร้อมแนะนำครีมลดรอยสิว จุดด่างดำ
คนที่ไม่มีสิวคือลาภอันประเสริฐ เพราะทุกคนต่างรู้ว่าสิวก่อความไม่สบายใจให้เราแค่ไหน สิวทำให้เราขาดความมั่นใจ แถมเมื่อจากไปบางครั้งก็ทิ้งรอยแดงและรอยดำเอาไว้อีก เลเวลความโหดร้ายก็แตกต่างกันไปตามวิธีการที่เราจัดการ/ดูแลผิวและชนิดของสิว เรามาลองดูกันดีกว่าว่าแท้จริงแล้วจุดด่างดำเกิดจากอะไร เจ้ารอยดำจากสิวและรอยแดงจากสิวต่างกันตรงไหน และถ้าเราอยากกำจัดให้หมดไปควรทำยังไงบ้าง แอบกระซิบว่าท้ายบทความมีชี้เป้าตัวช่วยขนานเด็ดอย่างครีมลดรอยสิว ทั้งครีมลดรอยสิวผู้ชายและครีมลดรอยสิวผู้หญิง ให้ตามไปตำกัน
Tumblr media
จุดด่างดำเกิดจากอะไร ตัวการที่ทำให้เกิดจุดด่างดำบนใบหน้า
การอักเสบที่ใต้ชั้นผิว
เมื่อเกิดการอักเสบใต้ชั้นผิวจากสิวชนิดต่าง ๆ ผิวของเราจะมีกระบวนการหลั่งสารอักเสบออกมา ซึ่งส่งผลให้เกิดการสร้างเมลานินหรือเม็ดสีผิวขึ้นมาปริมาณมากบริเวณที่อักเสบ เรียกว่ากระบวนการ Post-Inflammatory Hyperpigmentation (PIH) ทำให้เมื่อสิวยุบลงไปแล้ว ยังคงเหลือร่องรอยจุดด่างดำบนผิวนั่นเอง
การบีบแคะแกะสิว
หลายคนอดทนรอให้สิวหายเองไม่ไหว อยากให้สิวออกไปจากหน้าเร็ว ๆ จึงพยายามบีบแกะและเค้นสิว ไม่ว่าจะเป็นสิวผด สิวหัวดำ สิวอักเสบ หรือสิวหัวช้าง ซึ่งยิ่งสิวมีขนาดใหญ่เท่าไหร่ ความเสียหายหลังจากการบีบก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น โดยจะทิ้งเป็นรอยแดงและรอยด่างดำเอาไว้ให้เรานานยิ่งกว่าตัวสิวเองซะอีก
แสงแดด
ศัตรูตัวร้ายที่เป็นตัวการให้ผิวเราหมองคล้ำ เพราะรังสี UV ในแสงแดด ทำให้ผิวของเรามีการผลิตเม็ดสีเพิ่มมากขึ้น ความเข้มเพิ่มมากขึ้น อาจทำให้ขนาดของจุดด่างดำเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้รอยดำและจุดด่างดำบนใบหน้าของเราจะยิ่งเข้มและใช้เวลานานมากขึ้นในการลบเลือนนั่นเอง
รอยดำจากสิวและรอยแดงจากสิวต่างกันอย่างไร
รอยดำและรอยแดงจากสิว ดูเผิน ๆ อาจคิดว่าไม่ได้ต่างกัน แต่จริง ๆ แล้วรอยทั้งสองชนิดนั้นเกิดจากสาเหตุที่ต่างกัน แถมยังมีวิธีการและระยะเวลาในการรักษาที่ต่างกันอีกด้วย โดยรอยดำจากสิวนั้นเกิดจากความพยายามฟื้นตัวของเนื้อเยื่อที่ถูกทำลายแต่ทำไม่สมบูรณ์ ส่งผลให้มีการผลิตเม็ดสี จึงเกิดเป็นรอยที่มีสีน้ำตาลคล้ำหรือสีดำ ส่วนรอยแดงจากสิวนั้นเกิดจากการอักเสบบริเวณเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังร่วมกับการขยายตัวของเส้นเลือดฝอยจากการโดนแคะ แกะ บีบหรือสครับหน้า จึงทำให้เกิดเป็นรอยแดงช้ำ อาจกล่าวได้ว่าจากสิวอักเสบ หากเราดูแลไม่ถูกต้องจะกลายเป็นรอยแดง ซึ่งการลดรอยแดงที่เกิดจากสิวใช้ระยะเวลาเป็นหน่วยเดือน แต่หากรอยแดงที่เกิดขึ้น แล้วเราไม่กด แกะ บีบ เค้น อาจส่งผลให้รอยนั้นกลายเป็นรอยดำ จากการกระตุ้นเซลล์ในผิวให้ผลิตเม็ดสีเพิ่มมากขึ้นส่งผลให้เกิดเป็นรอยดำ ซึ่งจะใช้ระยะเวลาที่ยาวนานกว่า ในบางรายอาจใช้เวลานานหลายเดือน เพื่อให้รอยดำที่เกิดจากสิวกลับมาใกล้เคียงกับสีผิวปกติ ดังนั้น ใครที่ชอบบีบสิวอาจจะต้องยั้งมือแล้ว เพราะได้ไม่คุ้มเสียเลย
รวมวิธีลดรอยสิว จุดด่างดำบนใบหน้า
ใช้ครีมลดรอยสิวการเลือกครีมลดรอยสิวนั้น ควรเลือกที่มีส่วนผสมของกลุ่มของสารผลัดเซลล์ เช่น LHA หรือซาลิลิก แอซิด ที่ไปช่วยผลัดรอยสิวออกไป ทำให้รอยแดง หรือรอยดำ ดูจางลง หรือไนอาซินาไมด์ (Niacinamide) ที่มีคุณสมบัติลดอการอักเสบ และช่วยลดการส่งต่อของเม็ดสีของเซลล์ผิว ก็ช่วยให้รอยสิวจางลงได้เช่นเดียวกันหรือโปรซีหราด (Procerad) สารลิขสิทธิ์ของลา โรช-โพเซย์ที่มีคุณสมบัติลดการอักเสบ จึงช่วยลดรอยแดงและยังสามารถช่วยลดการผลิตเม็ดสี ทำให้รอยดำดูจางลง หรืออาจจะมองหาส่วนผสมตัวอื่นที่ช่วยเรื่องการลดจุดด่างดำด้วยเช่นกันอย่าง วิตามินอี วิตามินซี อาร์บูติน กลูต้าไธโอน โคจิก ทรานซามิค เป็นต้น
0 notes
sinenisine · 2 years
Text
ลิปสติกเลือกสีให้เหมาะกับริมฝีปาก ทำไมต้องซื้อใช้เกิน 1 สี
เพื่อให้การใช้งานลิปสติกได้ผลลัพธ์ดีที่สุด จึงควรเลือกสีให้เหมาะสมกับริมฝีปากของตนเองมากที่สุด และมาดูเหตุผลกันว่าทำไมสาว ๆ ต้องซื้อลิปมากกว่า 1 สีขึ้นไป
Tumblr media
ริมฝีปากแบบไหนควรเลือกสีลิปสติกอย่างไรให้เหมาะสม กับเหตุผลที่สาว ๆ ต้องซื้อใช้มากกว่า 1 สี
​ริมฝีปากของคนเรานั้นแท้จริงแล้วแตกต่างกันออกไป บ้างริมฝีปากหนา บ้างริมฝีปากบาง ดังนั้น การเลือกสีลิปสติกให้เหมาะสมจึงเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ ส่วนอีกเรื่องที่ต้องซื้อใช้มากกว่า 1 สี เชื่อว่าต้องมีคนจำนวนไม่น้อยอยากรู้ถึงเหตุผลด้วยเช่นกัน วันนี้เราจึงจะมาอธิบายเกี่ยวกับริมฝีปากแบบไหนควรเลือกประเภทใด และทำไมต้องซื้อลิปใช้มากกว่า 1 สี สร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง
ริมฝีปาก VS ประเภทลิป เลือกแบบไหนสร้างความมั่นใจสุด
ริมฝีปากหนา : แนะนำให้เลือกลิปสติกที่เป็นเนื้อแบบแมทซึ่งจะช่วยให้ดูไม่ปากอูมบาน เพราะเนื้อแมทค่อนข้างแห้ง แต่สีติดทนนาน ทั้งยังทำให้พื้นที่ริมฝีปากดูน้อยลงได้ด้วย แต่แนะนำลิปกลอสเพราะมีความมันวาวดูปากหนาไปอีก
ริมฝีปากบาง : แนะนำให้ใช้เป็นลิปกลอสหรือลิปทินท์ที่มีความมันวาวในตัวเอง เพราะจะช่วยให้ริมฝีปากดูโดดเด่นขึ้น หรือถ้าลึก ๆ อยากทาลิปแมทก็ได้ แต่แนะนำให้ทาเลยขอบปากมา ไม่แนะนำให้ทาด้านนอกสีอ่อนด้านในสีเข้มนะ ไม่อย่างนั้นจะดูปากใหญ่ได้
ริมฝีปากไม่เท่ากัน : ใครที่ปากล่างหนากว่าปากบนให้ทาลิปเนื้อครีมเข้ารูปปากไปเลย ไม่ต้องเน้นกว้าง หรือเน้นเลยใด ๆ
อย่าลืมเลือกสีผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับโทนสีผิวของเราด้วย นอกจากจะเลือกลิปสติกให้เหมาะสมกับสีปากแล้ว อีกเรื่องที่ไม่ควรลืมเลยก็คือ ความเหมาะสมของโทนสีผิวที่แต่ละคนมีต่างกัน อย่าง ถ้าเป็นสาวผิวขาวจะเหมาะกับทุกสี สร้างความสว่างสดใสหรือเข้มก็ดึงดูดน่าค้นหา แต่อย่าอ่อนเกินไปไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นคนป่วยไปได้ หรือสาวผิวสีน้ำผึ้งโดดเด่นโทนสีสายฝอ อย่าง สีส้มอิฐ สีน้ำตาลแดง หรือสีนู้ด แต่ไม่แนะนำให้เลือกสีเข้มเกินไปเพราะจะทำให้ใบหน้าไม่สว่าง และสุดท้ายโทนสีผิวเข้ม แนะนำเลือกโทนสีน้ำตาลนู้ด หรือสีแดงเลือดหมูไปเลย แต่อย่าใช้สีอ่อนเพราะดูไม่โดดเด่น เป็นอย่างไรกันบ้างกับการเลือกลิปสติกให้เหมาะสมกับทั้งริมฝีปาก และโทนสีผิว รวมถึงเหตุผลที่ต้องมีลิปทาปากมากกว่า 1 สี คงจะพอสร้างความเข้าใจ ช่วยให้เลือกซื้อได้อย่างมั่นใจ แถมยังเอาไปอธิบายคุณผู้ชายเผลอ ๆ ได้สีลิปเพิ่มไปอีก
0 notes
sinenisine · 2 years
Text
รองพื้นแบบไหนที่เหมาะกับคุณ และชีวิตประจำวัน
อยากเปลี่ยนลุคง่าย ๆ ต้องทำอย่างไร  รวมถึงการเลือกเครื่องสำอางด้วย ถ้าสาว ๆ คนไหนอยากรู้ต้องติดตามกันต่อไปนะค้า เพื่อไม่ให้เสียเวลา เรามาเริ่มกันที่ขั้นตอนแรกกันเลยดีกว่าขั้นตอนนี้สำคัญมากๆๆ เป็นจุดเริ่มต้นของความสวยกันเลยทีเดียว รองพื้นแบบซอง ไปเดททั้งทีหน้าต้องเนียนสวย หันทางไหนก็ดูดีทุกมุม รองพื้นห้ามโป๊ะ หน้าห้ามลอย และห้ามโบกรองพื้นหนา ๆ เด็ดขาด !! วันนี้เรา สวยแบบดูเป็นธรรมชาติที่สุดนะคะ แป้งคุมมัน แป้งคุมมันที่ใช้ควรมีเนื้อแป้งที่เนียนละเอียด บางเบา สบายผิว ไม่อุดตัน เมื่อทาไปแล้วจะเบลอผิวให้เนียนอย่างเป็นธรรมชาติ ควบคุมความมันได้ถึง 12 ชั่วโมง เพื่อให้ผิวแมทสวยได้ตลอดวัน และควรมี SPF พร้อมปกป้องผิวจากแสงแดดด้วย ดินสอเขียนคิ้วเนื้อครีม ไปต่อกันที่มงกุฎของใบหน้า นั่นก็คือคิ้วนะคะ ในส่วนนี้เราจะเน้นความติดทนนิดนึง เพราะถ้าหากคิ้วลบเลือนไประหว่างเดทอยู่คงจะดูไม่งามเอามาก ๆ เลยใช่มั้ยล่ะคะ แต่งหน้าเบาๆง่ายๆ แค่นี้ปิดท้ายด้วยการทาลิปสติก ปัดมาสคาร่าบางๆ หรือใครอยากเพิ่มความคมเฉี่ยวด้วยการเขียนอายไลเนอร์ก็ย่อมได้ แค่นี้ก็สามารถไปออกเดทในวันเบาๆ ให้แลดูสวยธรรมชาติได้แล้ว
0 notes
sinenisine · 2 years
Text
วิธีดูแลปัญหาผิวแห้ง ผิวขาดน้ำ พร้อมคืนความชุ่มชื้นให้ผิว
Tumblr media
ผิวแห้งและผิวขาดน้ำแตกต่างกันอย่างไร?
ผิวแห้ง (Dry Skin)
คือ ปัญหาผิวที่ขาดความมัน สาเหตุจากต่อมไขมันผลิตน้ำมันได้น้อยกว่าปกติ จึงทำให้ผิวไม่สามารถกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ได้นาน นอกจากนี้ผิวแห้งยังเกิดจากน้ำในผิวหนังชั้นหนังกำพร้าเริ่มผลิตได้ลดลง จากการที่มีอายุที่เพิ่มมากขึ้น โรคผิวหนัง พันธุกรรม และสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ เช่น สภาพอากาศที่แห้งและเย็น หรือการอาบน้ำร้อนบ่อย ๆ ก็ส่งผลให้ผิวมีอาการแห้งตึงหรือคัน และลอกเป็นขุย ได้เช่นกัน
ผิวขาดน้ำ (Dehydrated Skin)
คือ ปัญหาผิวที่ขาดความชุ่มชื้น สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกสภาพผิว ไม่ว่าจะเป็นผิวแห้ง ผิวมัน หรือผิวผสม สาเหตุเกิดจาก สภาพอากาศ มลภาวะ รวมไปถึงการรับประทานอาหาร ซึ่งปัญหาของผิวขาดน้ำนี้ จะมีสภาพผิวทั้งแห้งและมันในเวลาเดียวกัน หากใครก็ตามกำลังมีปัญหาหน้าหมองคล้ำ เติมแป้งระหว่างวันไม่ค่อยติดผิวจนเกิดคราบ คุณอาจจะกำลังเจอปัญหา “ผิวขาดน้ำ” นั่นเอง
ดูแลผิว เพื่อคืนความชุ่มชื้นให้กับปัญหาผิวแห้ง ผิวขาดน้ำ
ทั้งปัญหาผิวแห้งและผิวขาดน้ำ มีสิ่งที่เหมือนกันคือ ผิวขาดความชุ่มชื้น ดังนั้น จึงจำเป็นต้องดูแลและคืนความชุ่มชื้นให้ผิว เพื่อฟื้นฟูบำรุงและเติมน้ำให้แก่ผิวอยู่เสมอ
- ดื่มน้ำให้เพียงพอเมื่ออายุที่เพิ่มมากขึ้นปริมาณน้ำในร่างกายก็มีสัดส่วนที่ลดลง ดังนั้นผิวจะดูชุ่มชื้นและดูสุขภาพดี ต้องเริ่มต้นจากการดื่มน้ำเปล่า เพราะน้ำคือส่วนประกอบสำคัญของร่างกาย จึงควรดื่มน้ำให้เพียงพอกับที่ร่างกายต้องการต่อวันคือ ประมาณ 8 แก้ว
- เลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าที่มีส่วนผสมผสมมอยส์เจอไรเซอร์ เพื่อเพิ่มและกักเก็บความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้า ชนิดที่อ่อนโยน ไม่มีสารที่ชำระล้างรุนแรงจนทำให้ผิวหน้าแห้งตึง เช่น ครีมทาผิว
- งดการใช้ความรุนแรงกับใบหน้าการใช้ความรุนแรงกับใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นการขัดถู การสครับหน้า การลอกหน้ารวมไปถึงการใช้แปรงนวดหน้าแบบรุนแรง จะยิ่งทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นได้ง่ายมากกว่าเดิม และทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวอีกด้วย
- ใช้โทนเนอร์ชนิดอ่อนโยนสำหรับผิวแห้งนั้น การใช้โทนเนอร์เป็นสิ่งที่เหมาะมาก ๆ เพราะมีคุณสมบัติช่วยเติมน้ำให้ผิวทันทีหลังล้างหน้า ยังช่วยปรับสภาพผิวก่อนทาครีมบำรุงต่าง ๆ ให้ซึมลึกลงสู่ผิวหน้าได้ดีมากยิ่งขึ้น แต่โทนเนอร์ที่เลือกใช้สำหรับคนผิวแห้ง ต้องปราศจากแอลกอฮอล์ เนื่องจากแอลกอฮอล์เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผิวแห้งได้
0 notes
sinenisine · 2 years
Text
ครีมกันแดดหน้า กับค่าเอสพีเอฟที่เหมาะสมกับผิวของคุณ
แสงแดดที่แผดเผาย่อมทำให้ผิวได้รับผลกระทบ หมองคล้ำ เกิดริ้วรอย สร้างความรำคาญใจไม่น้อยโดยเฉพาะบริเวณใบหน้าที่ถือว่าเป็นจุดที่บอบบางที่สุด ดังนั้น ตัวช่วยอย่าง ครีมกันแดดหน้า จึงเป็นไอเท็มที่ทุกคนต้องมีเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่ต้องเผชิญแสงแดด และหากลองสังเกตให้ดีจะพบอักษรระบุ “SPF” และ “PA” บนผลิตภัณฑ์ กันแดด ซึ่งใคร ๆ ก็รู้ว่าเจ้าสิ่งนี้จะช่วยปกป้องผิวจากค่าแสงแดดที่แผดเผา แต่คุณรู้หรือไม่ว่าจริง ๆ แล้วเราควรเลือกครีมที่มีค่า เอสพีเอฟ ให้เหมาะสมกับผิวด้วย แล้วจะต้องเลือกอย่างไร? บทความนี้มีมาบอก
SPF กับ PA คืออะไร?
- เอสพีเอฟ หรือ Sunburn Protection Factor
คือ ความสามารถหรือประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดรังสี UVB เช่น ครีมกันแดดที่ระบุว่า Sunburn Protection Factor 25 แปลว่าสามารถปกป้องผิวจากแสงแดดได้นานกว่าเดิม 25 เท่านั่นเอง ซึ่งครีมกันแดดที่มีค่า SPF มาก จะยิ่งปกป้องผิวจากแสงแดดได้หลายเท่าเช่นกัน
- พีเอ หรือ Protection Grade of UVA
คือ ความสามารถหรือประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดรังสี UVA โดยจะมีเครื่องหมาย + ตามหลังซึ่งหมายถึงค่าความสามารถในการปกป้องผิวจากแสงแดดรังสี UVA แบ่งออกเป็น 4 ระดับ วัดเป็นเท่าของผิวที่จะคล้ำเสียได้ ได้แก่
- PA+ สามารถป้องกันรังสี UVA ได้น้อย เท่ากับ 1 – 4 เท่าของผิวปกติ - PA++ สามารถป้องกันรังสี UVA ได้ปานกลาง (ทำงานในที่ร่ม) เท่ากับ 4 – 8 เท่าของผิวปกติ - PA+++ สามารถป้องกันรังสี UVA ได้มาก (ทำงานกลางแสงแดด) เท่ากับ 8 – 16 เท่า - PA++++ สามารถป้องกันรังสี UVA ได้สูงมาก (ทำงานกลางแสงแดดตลอดเวลา) เท่ากับ 16 เท่าขึ้นไป
เมื่ออ่านจบแล้วเพื่อนๆก็สามารถเลือกผลิตภัณฑ์กันแดดที่เหมาะกับความต้องการได้ง่ายๆเลย 
0 notes
sinenisine · 3 years
Text
ใช้เครื่องสำอางแต่งหน้างานกลางคืน มือใหม่ก็ทำได้ ง่ายมาก
เทคนิคการใช้เครื่องสำอางแต่งหน้าออกงานตอนกลางคืน ใคร ๆ ก็ทำได้ มือใหม่ก็ทำได้แบบไม่ต้องกังวลใจ ทริคการแต่งหน้าที่ไม่เพียงสร้างความมั่นใจ แต่ออกงานได้โดดเด่น
Tumblr media
แต่งหน้าด้วยเครื่องสำอางสำหรับงานกลางคืน มือใหม่แค่ไหนก็แต่งได้
ไหนใครต้องมีแต่งหน้าไปงานตอนกลางคืนบ้าง? จริง ๆ แล้วแม้จะเป็นมือใหม่แค่ไหนก็ทำได้ไม่ยากอย่างที่คิด เพียงใช้เครื่องสำอางที่เหมาะกับตนเอง และได้เทคนิคที่ถูกต้องช่วย รับรองว่าเดินเข้างานได้อย่างเฉิดฉายไม่อายใคร 
ทริคการเลือกเครื่องสำอางให้เหมาะกับผิ
- สภาพผิวแพ้ง่าย จำเป็นต้องใช้เมคอัพที่อ่อนโยน สกัดจากธรรมชาติได้ยิ่งดี ไม่แนะนำให้ใช้ที่มีส่วนผสมของน้ำหอม แอลกอฮอล์ เพราะจะทำให้ผิวแพ้ง่าย
- สภาพผิวหน้าหมองคล้ำแนะนำให้ใช้เมคอัพที่มีแอซิด อัลฟ่า และไฮดรอกซี่เป็นส่วนผสม เพราะจะช่วยให้เซลล์ผิวที่ตายแล้วหลุดออกง่าย ผิวกระจ่างใสมากขึ้น
- สภาพผิวมัน ไม่แนะนำให้เลือกที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอร์ไรเซอร์ หรือ Oil เพราะจะทำให้ใบหน้ามีความมัน มีความชุ่มชื้นมากกว่าเดิม
- สภาพผิวแห้งกร้านต้องได้รับความชุ่มชื้นอย่างที่สุด ดังนั้น แนะนำให้เลือกที่ส่วนผสมของมอยส์เจอร์ไรเซอร์อย่างเข้มข้นไปเลย หรือมีสารสกัด Oil จากธรรมชาติ
เทคนิคแต่งหน้าตัวเองไปงานกลางคืนที่มือใหม่ก็ทำได้
1. เตรียมผิวให้พร้อม
เริ่มต้นที่ขาดไม่ได้เลยคือการเตรียมผิว ซึ่งแม้จะเป็นงานตอนกลางคืนก็ตาม แต่การเตรียมผิวถือว่าสำคัญไม่น้อย ก่อนใช้เครื่องสำอางให้คุณบำรุงผิวด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์ เพิ่มความชุ่มชื้น (กรณีเป็นคนผิวมันให้ใช้เซรั่ม หรือเอสเซ้นส์) จากนั้นก็ทาไพรเมอร์ เป็นการอำพรางรูขุมขนเพิ่มความสามารถในการติดทนให้กับเมคอัพ และทาลิปบาล์มบำรุงริมฝีปากไว้
2. ทารองพื้นได้เลย
ต่อมาคือการลองรองพื้น โดยให้เลือกสีที่ใกล้เคียงผิวหน้ามากที่สุด แล้วนำมาทาโดยทาที่แก้มในลักษณะตามแนวรูขุมขน ทาที่หน้าผากปากออกไปซ้ายขวา ทาที่สันจมูก และทาที่คางปาดออกซ้ายขวาเช่นกัน อาจจะใช้ฟองน้ำหรือแปรงแทนนิ้วก็ได้ สาวผิวแห้งเลือกแบบ Oil Base ส่วนสาวผิวมันเลือกแบบ Water Base ช่วยได้มาก
3. ปกปิดจุดด่างดำด้วยคอนซีลเลอร์
เมื่อทารองพื้นรอให้แห้งเสร็จแล้วก็ต่อด้วยคอนซีลเลอร์เพื่อทำการปกปิดจุดด่างดำ รอยดำ รอยสิว ทำให้ไม่เห็นผิวที่ไม่สม่ำเสมอได้อีกพร้อมสู้แสงไฟกลางคืน
4. เขียนคิ้วและแต่งตาให้โดดเด่น
ต่อมาคือให้เขียนคิ้วโดยลากจากกลางคิ้วไปหางคิ้วให้เกิดรูปทรงที่ต้องการแล้ววถมสีในช่องว่าง จากนั้นเบลนด์ไปหาหัวคิ้วให้สีกระจายตัว  ตามด้วยแต่งเปลือกตาด้วยอายแชโดว์ที่เข้ากับสีชุด เลือกแบบมีชิมเมอร์ช่วยให้ดูวิบวับสวยงาม 
5. ทาบรัชออนแล้วเซตด้วยแป้งฝุ่น
ลงมือทาบรัชออนได้เลย โดยเลือกสีที่เหมาะสมกับชุด แนะนำเลือก���นื้อครีมช่วยให้สีติดทนนานมากขึ้น จากนั้นให้เซตหน้าผิวแป้งให้ทั่วได้เลย
6. เติมปากให้สวยงาม
สุดท้ายก็ให้ทาลิปสติกที่ริมฝีปากได้เลย อาจจะเขียนขอบปากให้โดดเด่นและไม่เลอะก็ได้ ใครปากเล็กแต่อยากได้สายฝอก็ให้ลงสีลิปเลยริมฝีปากออกมา
กลับถึงบ้านต้องรีบล้างเมคอัพออกให้หมด
สิ่งสำคัญเมื่อกลับมาบ้านแล้วก็ต้องล้างเครื่องสำอางออกให้หมดจดด้วย โดยการใช้คลีนซิ่งหยุดลงสำลีในปริมาณมากจากนั้นก็เช็ดลักษณะวงกลมให้ทั่วใบหน้า เช็ดอย่างเบามือจนกว่าสำลีจะเป็นสีขาวปกติ จากนั้นให้ล้างหน้าด้วยโฟมซ้ำ 2 ครั้งพอ แล้วล้างหน้าให้สะอาด ซับหน้าให้แห้ง อาจจะใช้สำลีลองเช็ดตรวจทานอีกรอบหากไม่มีสีอะไรติดก็ลงสกินแคร์บำรุง เข้านอนได้
เป็นอย่างไรกันบ้าง กับการแต่งหน้าไปงานตอนกลางคืนด้วย เครื่องสำอาง ที่เหมาะสมกับตนเองไม่ยุ่งยาก และไม่ต้องกังวลแม้จะมือใหม่แต่ก็ได้หน้าสวยสู้ไฟ แถมไม่ต้องเสียเงินจ้างช่างแต่งหน้า
0 notes
sinenisine · 3 years
Text
ครีมหน้าเด้งเหมาะกับจุดไหนบนหน้าบ้าง และควรเลือกซื้อยังไง
เปิดจุดสำคัญ 5 ตำแหน่งที่ควรค่า��ับการใช้งานครีมหน้าเด้ง เพื่อให้ใบหน้ายกกระชับในแบบที่ควร รวมถึงมีสิ่งไหนที่ควรพิจารณาในการเลือกซื้อเพื่อให้เหมาะสม ต้องรู้
Tumblr media
5 ตำแหน่งที่ควรใช้ครีมหน้าเด้งเพื่อยกกระชับ และสิ่งที่ควรพิจารณาก่อนซื้อ
เมื่อเวลาผ่านไปอายุที่เพิ่มขึ้นเป็นปัจจัยที่ทำให้ใบหน้าของเราเกิดปัญหาหนึ่งในนั้นคือความหย่อนคล้อย จึงมีความจำเป็นที่จะต้องหาทางออกที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง ทว่าสิ่งที่ดีที่สุดคืออะไร? นี่เลย “ครีมหน้าเด้ง” ช่วยยกกระชับเพิ่มความเต่งตึงได้อย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งวันนี้ก็อยากแนะนำ 5 ตำแหน่งที่ควรค่าต่อการใช้งานครีมนี้ รวมถึงสิ่งที่ควรพิจารณาให้มั่นก่อนเลือกซื้อ
ตำแหน่งที่ควรค่าต่อการใช้งานผลิตภัณฑ์ครีม
ก่อนที่เราใช้ครีมหน้าเด้ง จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรู้ตำแหน่งที่เกิดปัญหาได้มากที่สุด เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ตอบโจทย์อย่างแท้จริง ซึ่งมีตำแหน่งใดบ้าง?
1. ตำแหน่งลำคอ ที่ถือเป็นจุดเห็นความหย่อนคล้อยได้ง่ายมาก เพราะเชื่อมต่อกับใบหน้า
2. ตำแหน่งคาง แน่นอนว่าเป็นชั้นผิวหนังที่อยู่ใกล้คอที่สุด ที่เห็นมีเหนียงก็มาจากปัญหาความหย่อนคล้อยนี่แหละ
3. ตำแหน่งสันกราม กรอบหน้า เป็นจุดเชื่อมต่อกับคาง ทำให้ดูแก่กว่าวัยไปได้
4. ตำแหน่งโหนกแก้ม ที่เมื่อหย่อนคล้อยแล้วทำให้ดูไม่สดใส ทำให้แก้มมีชั้นผิวหนังผิดปกติ
5. ตำแหน่งหน้าผาก จุดสุดท้ายที่อยากบอกให้รู้ เพราะถือเป็นจุดด้านบนใบหน้า พาให้ดูไม่เต่งตึง เปล่งประกาย จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเลือกใช้ครีมยกกระชับหน้า
สิ่งที่ควรพิจารณาก่อนเลือกซื้อครีมหน้าเด้ง
ถึงเวลาเลือกซื้อแล้วแต่จะเดินไปหยิบมาจ่ายเงินเลยเห็นทีอาจได้ผลิตภัณฑ์ไม่เหมาะสมพาให้เกิดปัญหาภายหลังเป็นได้ ดังนั้น สิ่งที่ควรพิจารณา ได้แก่
1. ผลิตภัณฑ์มีความน่าเชื่อถือมากน้อยแค่ไหน
สิ่งที่ต้องดูที่สุดเลยก็คือความน่าเชื่อถือของผลิตภัณฑ์ แนะนำว่าให้ดูเครื่องหมายรับรองมาตรฐานความปลอดภัยที่ได้จาก อย. ถ้ามีก็มั่นใจได้ว่าปลอดภัย
2. ส่วนผสมที่มีในผลิตภัณฑ์
ต่อมาคือเรื่องส่วนผสม ต้องดูเลยว่าที่มีในผลิตภัณฑ์มีอะไรบ้าง แล้วแต่ละตัวมีความเสี่ยงทำให้เกิดผลข้างเคียงหรือไม่ ซึ่งส่วนผสมที่ควรระวังที่สุดเลยก็คือ บรรดาแอลกอฮอล์ น้ำหอม พาราเบน ปรอท สีสังเคราะห์ ฯลฯ ถ้ามีให้เลี่ยงไปเลย เพราะใช้แล้วอาจแพ้ระคายเคืองผิวได้
3. ดูวัน/เดือน/ปีที่ผลิต และหมดอายุ
จะซื้อครีมยกกระชับหน้าเรียวต้องตรวจสอบดูวัน/เดือน/ปีที่ผลิตและหมดอายุ ซึ่งจะมีเป็นคำย่อภาษาอังกฤษ อย่าง MFG หมายถึงวันที่ผลิต และ EXP หมายถึงวันหมดอายุ ถ้าเลยวันผลิตมานานแล้วแนะนำให้เลี่ยงไปเลย เพราะมีโอกาสที่คุณภาพผลิตภัณฑ์จะต่ำแล้ว 
4. คำนึงเรื่องราคาด้วย
อย่าละเลยเรื่องราคา ถ้ามีราคาถูกก็ไม่ดีเพราะนั่นอาจเป็นของปลอม ส่วนบางครั้งราคาแพงเกินไปก็อาจจะไม่ได้ของดีเสมอไป ด้วยความที่เราต้องใช้ระยะเวลานานในการบำรุงรักษาจึงควรดูที่คุณภาพและความน่าเชื่อผลิตภัณฑ์ว่าสมกับราคาที่จ่ายหรือไม่ด้วย
ส่วนผสมที่ควรมีในผลิตภัณฑ์ครีมช่วยยกกระชับหน้าเด้ง
ส่วนผสมของครีมหน้าเด้งที่ช่วยแก้ปัญหาความหย่อนคล้อยให้กระชับขึ้นที่ต้องมีเลยก็คือคอลลาเจน ���พื่อสร้างความแข็งแรงยืดหยุ่นให้กับผิว วิตามินบี 3 ต่าง ๆ ที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ทำให้หน้าดูอ่อนกว่าวัย หรือ AHA และ BHA ที่จะช่วยเติมเต็มใบหน้าให้ดูเรียบเนียนขึ้น สดใสเปล่งปลั่ง สุดท้ายคือรกแกะที่จะช่วยกระตุ้นการเกิดเซลล์ผิวใหม่ ไม่ทำให้เม็ดสีเมลานินสร้างเร็ว เกิดความเด้ง เต่งตึง ยกกระชับพร้อมความกระจ่างใส
จริง ๆ แล้วนอกจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น ก็ยังมีปัจจัยภายนอกมากระตุ้นให้เกิดปัญหาความหย่อนคล้อยได้ เช่น การถูกแสงแดดบ่อยแล้วเราไม่ป้องกัน การดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่จัด มีความเครียดสะสม มลภาวะ ฝุ่น ควัน ฯลฯ ดังนั้นเลี่ยงได้เลี่ยง หรือถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็หาตัวช่วยป้องกัน เช่น ใช้ครีมกันแดด ร่ม ครีมบำรุงผิว ฯลฯ แต่ถ้าเกิดปัญหาจนได้ก็อย่าลืมใช้ครีมหน้าเด้ง 
0 notes