kuypawit - Tumblr blog

kuypawit · 3 years

Text

ประวัติ โซกิตะ กุนฮะ จากการ์ตูนเรื่อง อินเด็กซ์ คัมภีร์คาถาต้องห้าม

โซกิตะ กุนฮะ อันดับ 7 เลเวล 5 นักเรียนแห่งเมืองการศึกษา เขาเป็นเอสเปอร์ที่มีพลังมหาศาล สาเหตุที่เขาอยู่ในอันดับสุดท้ายของเลเวล 5 ก็คือพลังของเขาเองเกิดเองตามธรรมชาติหรือที่เรียกว่าพวก อัญมณีแกรมสโตนย์ คือพวกที่มีพลังพิเศษตั้งแต่เกิดโดยไม่ใช้ยากระตุ้นของเมืองแห่งการศึกษาซึ่ง โทวมะพระเอกของเรื่องก็จัดอยู่ในประเภทนั้นด้วย พลังของเขาเป็นปริศนาหมดไม่สามารถตีความได้ว่าเป็นพลังประเภทไหนเลยทำให้อยู่อันดับ 7 ของ เลเวล 5 ซึ่งเขาเองก็ไม่ได้ดึงพลังออกมาได้เต็มที่ เขามีฉายาว่า Attack Crash ( Telekinetic Shell ) ตามเอกลักษณ์การต่อสู้ของเขา ซึ่งชื่อเขามีความหมายว่า ทหารราบผู้ยิ่งใหญ่ เขาเป็นคนที่มีนิสัยต่างจากคามิโร โทวมะ อย่างสุดขั้วโดยจะไม่คิดให้ละเอียดถี่ถ้วนเน้นแต่พุ่งเข้าหาปัญหาด้วยแรงฮึกเหิม แต่สิ่งที่เหมือนกันอย่างเดียวกันคือชอบทำตัวเป็นฮีโร่ช่วยเหลือผู้อื่นแต่วิธีการช่วยนั้นแตกต่างกัน

สกิลต่าง ๆ กุนฮะมีความสามารถด้านพลังที่เขาเรียกว่า Attack Crash ซึ่งมีหลากหลายรูปแบบไม่ต่างฉายาเขาแม้แต่เมืองแห่งการศึกษายังไม่สามารถให้คำตอบในประเภทพลังของเขาได้เลย ซึ่งออซเรลุส จอมเวทย์เทพมารได้เคยบอกกุนฮะว่าหากเขาเข้าใจในความสามารถของพลังของตนเองเมื่อไร เขาก็อาจจะสามารถที่ต่อสู้กับตนได้อย่างสูสีก็ได้ พลังของกุนฮะแท้จริงแล้วยังพัฒนาไปได้มากแต่ตัวเขาเองยังไม่ปลดล็อคมัน ซึ่งพลังมาจินของออซเรลุสก็จัดอยู่ประเภทของพลังที่ไม่สามารถเข้าใจได้แบบ กุนฮะ คิฮะระ นายูตะ ได้กล่าวว่าเห็นสนามพลัง AIM ที่ออกมาจากซึ่งบิดเบี้ยวไม่สม่ำเสมออย่างน่าประหลาดรอบๆกุนฮะในนิยาย ฮาราตานิ เคยพูดเกี่ยวกับพลังของกุนฮะกับคุโรโกะว่า เธอลองนึกว่าเมื่อเธอต้องการที่จะมีร่างกายที่แข็งแกร่งดั่งเหล็กได้ตามที่เธอต้องการได้ -ระเบิดตัวเอง : สร้างแรงระเบิดแปลกประหลาดรอบๆตัวเองที่สามารถทำให้ทุกคนหรือสิ่งต่าง ๆ โดยรอยกระเด็นออกไปได้ -ไร้ความเจ็บปวดและเสียหาย : ไม่ได้รับอาการบาดเจ็บใดๆตัวอย่างเช่น เมื่อโดนกระสุนปืนยิงโดนหัวใจล้มไปแล้วลุกขึ้นมาอย่างปกติ อีกทั้งยังใช้ฟันรับเรลกัน 30% ที่มิซากะยิงมาได้อย่างสบาย มีแค่มาจินเวทย์บังลังค์ยุโรปเหนือปริศนาของออซเลรุสที่สามารถสร้างความเจ็บปวดให้แก่เขาได้ ทำให้ล้มไปจนลุกไม่ขึ้นและเจ็บปวดอย่างรุนแรง

-เคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูง : เขาสามารถเคลื่อนไหวความเร็วสองเท่าด้วยความไวเสียงเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูงตอนสู้กับออซเรลุสจอมเวทย์เทพมาร -Pseudo teleport : เขาสามารถเทเรพอร์ทได้ ในการต่อสู้กับคุโรโกะโดยได้แสดงให้ดู (อันนี้ไม่แน่ใจว่าเป็นมุขรึเปล่า) -สนามพลัง : เขาสามารถปล่อยสนามพลังปริศนาออกมาปกคลุมรอบตัวเอง -ปล่อยควัน : สามารถออกควันหลากสีออกมาจากหลังตัวได้ -หมัดสุดยอด : ท่าประจำตัวของกุนฮะนั้นมีท่าพิเศษในฉบับของเขาคือเวลาใช้ท่านี้จะตะโกนว่า หมัดสุดยอดสุโก้ยพันย์ สามารถซัดกลุ่มคนให้กระเด็นไปคนละทิศทางได้ -Aurora Guard : เขาสามารถหยุดสนามพลังแม่เหล็กโดยใช้เทคนิคความสามารถที่ชื่อว่า เทเรคิเนซิส ออกมาในรุปของโล่ป้องกันเขาจากพลังสายฟ้าฟาดของมิซากะซึ่งยังปริศนาว่าทำไมพลังเขาถึงหยุดพลังไฟฟ้าของมิซากะได้

ขอขอบคุณผู้สนับสนุนหลักเว็บ Fast98 เว็บ เกมสล็อตออนไลน์ สมัครฟรี ฝาก-ถอนไม่มีขั้นต่ำด้วยระบบออโต้ มีแอดมินให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง

0 notes

kuypawit · 3 years

Text

ประวัติ ชิซึคุ จากการ์ตูนเรื่อง ฮันเตอร์ X ฮันเตอร์

ชิซึคุ มองภายนอกดูเป็นเด็กสาวน่ารักใสซื่อ ขี้ลืมง่าย มีความโหดเหี้ยมในแบบเด็กๆ และฝีมือการต่อสู้ที่ไม่เป็นรองใคร มีความสามารถเน็นเป็นสายแปรสภาพ สร้างในรูปเป็นเครื่องดูดฝุ่นชื่อว่า เดเมจัง ซึ่งสามารถดูดสิ่งไม่มีชีวิตใดก็ได้ตามแต่จะสั่ง ส่วนสิ่งที่ดูดหายไปในเดเมจังนั้น ไม่มีใครทราบว่าหายไปไหน แม่แต่ตัวชิซึคุ เองก็ไม่ทราบ สกิลต่างๆ -เท็น (หยุด) : การหยุดออร่าไว้ในร่างกาย ปกติออร่าจะออกจากร่างตลอดเหมือนสายน้ำ แต่หากสามารถหยุดไว้ได้ก็จะทำให้ร่างกายมีความแข็งแกร่งและมีการฟื้นฟูที่ดีกว่าปกติ เป็นขั้นตอนแรกที่ผู้ใช้เน็นทุกคนต้องฝึก -เซ็ทสึ (สูญสิ้น) : การดับพลังเน็นที่ออกมาให้สูญสิ้นไป ผู้ที่ใช้เน็นด้วยกันจะสามารถรับรู้ถึงออร่าของอีกฝ่ายได้ การใช้เซ็ทสึซ่อนออร่าของตัวเองจะมีประโยชน์ในด้านการพรางตัวจากเป้าหมาย -เร็น (ปลดปล่อย) : การปล่อยออร่าออกจากร่างกายมากกว่าปกติ ซึ่งจะทำให้ร่างกายมีความแข็งแกร่งทนทานสูงมาก แต่ก็ต้องอาศัยสมาธิสูง ในการต่อสู้จำเป็นต้องรักษาระดับการใช้เร็นไว้เพื่อป้องกันตนเองจากการจู่โจมด้วยเร็นของคู่ต่อสู้

-ชู (การผสาน) : เป็นเทคนิคการนำ"เท็น"มาใช้ร่วมกับอุปกรณ์ที่ถืออยู่ โดยการคิดว่าอุปกรณ์ชิ้นนั้นเป็นเหมือนส่วนหนึ่งของร่างกาย และแบ่งออร่าของตนไปครอบคลุมอุปกรณ์นั้น ทำให้สามารถใช้อุปกรณ์นั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น -อิน (พราง) : เป็นเทคนิคขั้นสูงของ"เซ็ทสึ" สามารถพรางเน็นที่ปล่อยออกมาได้ 100% โดยยังคงผลของเน็นนั้นอยู่ พูดอีกอย่างก็คือการใช้ฮัทสึได้โดยศัตรูไม่สามารถรับรู้ได้ถึงพลังนั้น ยกเว้นว่าจะใช้"เงียว"ในการดู ซึ่งก็ต้องใช้สมาธิเพิ่มขึ้นอีก -เงียว : (ผนึก) เทคนิคขั้นสูงของ"เท็น" ใช้การรวมออร่าไว้ที่ดวงตา เพื่อเพ่งมองให้ได้ชัดเจนขึ้น การใช้เงียวจะสามารถมองเห็นออร่าของผู้ที่พรางไว้ด้วย "อิน" ได้ อย่างไรตาม"เซ็ทสึ"ที่เป็นการดับพลังออร่า ไม่ใช่การซ่อน จึงไม่สามารถใช้เงียวมองเห็นว่าผู้ใดกำลังใช้เซ็ทสึอยู่ -เอ็น (รัศมี) : เทคนิคขั้นสูงของ "เร็น" ใช้การแผ่ขยายออร่าที่คลุมร่างของตนเองให้เป็นรัศมีกว้างออกไปมากกว่าปกติ ทำให้สามารถรับรู้สิ่งที่เข้ามาในขอบเขตของ"เอ็น" ได้ ยิ่งเอ็นแผ่ขยายไปมากก็ยิ่งรับรู้ได้กว้างขึ้น แต่ต้องอาศัยการฝึกขั้นสูง โดยปกติผู้ที่ทำได้ก็จะใช้แค่ในระยะจู่โจมของตนเท่านั้น แต่ถ้าเป็นผู้เชี่ยวชาญอาจใช้"เอ็น"ที่มีรัศมีได้ร่วมร้อยเมตรทีเดียว -โค (รวม) : เทคนิคการผสานการใช้ "เท็น" "เซ็ทสึ" "เร็น" "ฮึทสึ" และ "เงียว" เข้าด้วยกัน โดยการใช้"เท็น"และ"เร็น"ปล่อยออร่าออกมา จากนั้นรวมออร่าไปที่จุดใดจุดหนึ่งของร่างกาย (เงียว) แล้วดับออร่าที่ยังเหลืออยู่ในส่วนอื่นของร่าง (เซ็ทสึ) ทำให้สามารถรวมออร่าไว้ได้เข้มข้นกว่าปกติ แล้วโจมตี (ฮัทสึ) ก็จะได้พลังการโจมตีที่รุนแรงกว่าเดิมหลายเท่าตัว

-เค็น (การป้องกัน) : เทคนิคการผสาน"เท็น"และ"เร็น"เข้าด้วยกัน เป็นเสมือนกับการใช้"โค"คลุมทั้งร่าง เพื่อให้สามารถปกป้องร่างกายจากการถูกคู่ต่อสู้โจมตีด้วย"โค"ซึ่งมีอานุภาพรุนแรงเกินที่การคลุมออร่าด้วย"เร็น"จะรับได้ แม้"เค็น"จะมีพลังด้อยกว่าแต่ก็เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกัน -เรียว : การ "เคลื่อนย้าย" ออร่าไปตามส่วนต่างๆของร่างกายตน เพื่อประยุกต์ใช้ในการต่อสู้ทั้งรุกและรับ ตัวอย่างเช่น ในขณะที่รับการจู่โจม บริเวณลำตัวจะถูกคลุมไว้ด้วยออร่า 80% จากนั้นเมื่อโจมตี ก็ทำการเคลื่อนย้ายออร่าจากลำตัว 60% มาไว้ที่หมัด ทำให้เหลือออร่าอยู่บริเวณลำตัวเพียง 20% ผู้ที่เชี่ยวชาญการต่อสู้ควรจะใช้"เรียว" ได้อย่างคล่องแคล่ว สกิลท่าไม่ตายต่างๆ -เมเดจัง : เป็นเครื่องดูดฝุ่นที่ตนใช้เน็นสร้างออกมา ลักษณะเป็นเหมือนเครื่องดูดฝุ่นทั้วไป ซึ่งเมเดจังนี้ผู้ใช้สามารถออกทำสั่ง เมเดจังจะดูดทุกอย่างที่ไม่ใช้สิ่งมีชีวิตเข้าไป สิ่งที่ถูกดูดเข้าไปหายไปไหนนั้นไม่มีใครทราบ ชิซึคุเองก็ไม่ทราบเช่นกัน อาวุธนี้ยังมีเทคนิกการใช้อีกมากมาย นอกจากจะเอามาดูดสิ่งของแล้วยังเอามาใช้ต่อสู้ได้อีกด้วย เช่นท่า +ดูดเลือด : ท่านี้จะมีเงื่อนไงการใช้อยู่ คือจะต้องทำให้ศัตรูบาดเจ็บสะก่อน ไม่ว่าบาดแผลของศัตรูจะเกิดจากเราหรือตัวอีกฝ่ายเป็นคนทำเองก็ช่าง ขอแค่เป็นรอยแผลถลองก็สามารถเสร็ดตามเงื่อนไง จากนั้นชิซึคุจะสั่งให้ "เมเดจังดูดเลือดของศัตรูมา" เมเดจังก็จะทำการดูดเลือดจากบาดแผลศัตรูเข้ามา ดูดจนดว่าเลือดของศัตรูจะหมด

ขอขอบคุณผู้สนับสนุนหลักเว็บ Fast98 เว็บสล็อต อันดับหนึ่งของประเทศ การันตีความมั่นคง ปลอดภัย มีแอดมินให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง

0 notes

kuypawit · 3 years

Text

ประวัติ ซีซาร์ จากการ์ตูนเรื่อง วันพีช

ซีซาร์ คลาวด์ อดีตนักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะของรัฐบาลโลกที่กลายมาเป็นอาชญากรเจ้าของค่าหัว 300 ล้านเบรีจากเรื่องวันพีซ ซีซาร์เป็นอดีตเพื่อนร่วมงานและเป็นคู่แข่งตลอดกาลของเวก้าพั้งค์ ว่ากันว่าความอัจฉริยะของเขาเป็นรองเพียงเวก้าพั้งค์คนเดียวเท่านั้น และเพื่อให้ได้ก้าวขึ้นสู่อันดับหนึ่งซีซาร์จึงได้ทำการทดลองเปลี่ยนมนุษย์ธรรมดาให้กลายเป็นคนยักษ์ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลโลกวิจัยมาเกือบร้อยปี ซีซาร์ คลาวด์หรือที่ลูกน้องของเขาเรียกว่า “มาสเตอร์” (Master, M) ปรากฏตัวในห้องทดลองเก่าของรัฐบาลบนพั้งค์ ฮาซาร์ดฝั่งน้ำแข็ง เขากำลังทำการทดลองอาวุธที่ร้ายกาจท่ามกลางการจับจ้องของบรรดาโจรสลัดฝีมือร้ายกาจในโลกใหม่ภายใต้คำสั่งของโจ๊กเกอร์ ซีซาร์มีพลังจากผลแก๊ส “กาสึ กาสึ” (Gasu Gasu no Mi) ผลปิศาจสายโรเกียที่สามารถเปลี่ยนร่างให้กลายเป็นแก๊สพิษและสามารถควบคุมบรรยากาศรอบๆตัวได้ มีปืนเป็นอาวุธและมี “สไมลี่” (Smiley) ก้อนแก๊สพิษที่เกิดขึ้นเมื่อ 4 ปีก่อนซึ่งได้กินผล “ซาระ ซาระ” รูปแบบปลามีขาเข้าไปเป็นสัตว์รับใช้ การทดลองที่ล้มเหลวครั้งใหญ่ในอดีตถูกกล่าวหาว่าเป็นความผิดพลาดของเวก้าพั้งค์ ซีซาร์ถูกจับกุมแต่ด้วยความแข็งแกร่งของผลแก๊สทำให้เขาหนีจากเรือนักโทษและหายสาบสูญไปนานหลายปีจนกระทั่งเขากลับมายังสถานที่ทดลองนี้อีกครั้ง ซีซาร์ใช้พลังจากผลแก๊สไล่พิษที่ปกคลุมเกาะออกไปจนหมด เขาช่วยสร้างขาวิทยาศาสตร์ให้กับนักโทษที่สูญเสียขาจากการถูกพิษทำลายระบบประสาทพร้อมกับรับผู้ที่เหลือรอดทุกคนมาเป็นลูกน้องและเพื่อเป็นเหยื่อในการทดลอง ซีซาร์ให้ลูกน้องลักพาตัวเด็กๆจากเกาะบริเวณใกล้เคียงมาแล้วทำให้เหมือนกับว่าเป็นอุบัติเหตุ เขาให้เด็กๆกินแคนดี้ที่มีส่วนผสมของยากระตุ้นเพื่อไม่ให้เด็กเหล่านั้นหนีออกจากสถานที่ทดลองและกลายเป็นเด็กที่มีรูปร่างใหญ่โตคล้ายคนยักษ์

ซีซาร์ร่วมมือกับลอว์ที่ปรากฏตัวขึ้นโดยไม่ได้ถามเหตุผลมากมาย เขาให้ลอว์มอบหัวใจของตัวเองมาแลกกับหัวใจของโมเน่เพื่อป้องกันลอว์หักหลัง ซีซาร์ต่อสู้กับลูฟี่ที่คิดจะจับตัวจนเกือบเสียท่าเพราะแก๊สพิษใช้ไม่ได้ผลกับลูฟี่แต่เขาก็ได้ใช้การควบคุมออกซิเจนในอากาศทำให้จับกุมพวกลูฟี่กับลอว์ได้สำเร็จพร้อมกับประกาศถึงการทดลองที่อาจจะนำหายนะมาสู่โลกนี้ ซีซาร์สู้กับลูฟี่ที่หลุดออกจากกรงขังแต่ลูฟี่รู้ถึงความสามารถของผลแก๊สบวกกับฮาคิคุณสมบัติแห่งเกราะเขาจึงตกเป็นรองและพยายามเตือนลูฟี่ว่าลอว์กำลังคิดจะหักหลัง ซีซาร์สู้ลูฟี่ไม่ได้แต่ยังโชคดีที่โม่เน่มาช่วยเอาไว้ทันทำให้เขารอดจากลูฟี่สำเร็จ ซีซาร์คิดจะกำจัดหนวดน้ำตาลที่แพร่งพรายความลับของเขาแต่ถ็ถูกลูฟี่เข้ามาขวางเอาไว้ ซีซาร์บอกกับลูฟี่ถึงความลับในการสร้าง SAD ที่สามารถเปลี่ยนเป็นผลปิศาจสายโซออนแล้วขายในโลกใหม่โดยมีโดฟลามิงโกกับหนึ่งในสี่จักรพรรดิคอยปกป้องอยู่แต่ลูฟี่ไม่ได้สนใจและอัดเขาจนหมดสภาพที่จะสู้ต่อไหว ก่อนที่จะถูกนำตัวขึ้นเรือมุ่งหน้าไปยังกรีนบิทอันเป็นถิ่นของโดฟลามิงโก้ ความสามารถ "ผลไม้ปีศาจ : กาสึ กาสึ ผลไม้ปีศาจสายโรเกีย ผลแก๊ส มีความสามารถในการเปลื่ยนร่างและส่วนอื่นๆของร่างกายเป็นแก๊สชนิดต่างๆรวมไปถึงแก๊สพิษที่สามารถฆ่าผู้อื่นได้อย่างง่ายดายพร้อมสามารถสร้างแก๊สจำนวนมากออกมาเพื่อใช้เล่นง่ายศัตรู จุดอ่อน ฮาคิเกราะ , หินไคโร , น้ำทะเล

"Gas Robe" ปล่อยแก๊สพิษพุ้งออกไปเข้าปกคลุมทั่วบริเวณทำให้คนที่หายใจเข้าไปนั้นอาจเสียชีวิตได้ ซึ้งจะไม่เป็นผลกับคนที่มีภูมิต้านทานพิษกับไม่ได้หายใจ

"Gastanet" กรับสีฟ้าและแดงที่สร้างขึ้นมาจากแก๊สที่ไม่เสถียรพร้อมใช้ประกบกันจะสร้างระเบิดขึ้นที่เป้าหมายอย่างรุนแรง "Karakuni" ดินแดนว่างเปล่า เทคนิคที่จะไล่ออนซิเจนออกไปจากบริเวณเป็นวงกว้างจากตัวราวๆ10-20ม. ทำให้ไม่มีใครสามารถรู้ได้ว่าทำไมจู่ๆถึงอ่อนแอลงและสลบไปเนื่องจากอากาศหายใจ "Nenshokei: Miok Gas" สร้างแก๊สออกมาพร้อมกับจุดไฟก่อเกิดคลื่นเปลวไฟพุ้งเข้าไหม้ทุกอย่างตามที่แก๊สที่ปล่อยออกมานั้นลอยไปถึง "Blue Sword" ดาบน้ำเงิน เป็นด้ามจับที่เมื่อบีบอัดออนซิเจนและทำให้เกิดคลื่นเปลวไฟสีฟ้าที่มีความร้อนสูงใช้ฟาดฟันและเผาสิ่งต่างๆอย่างง่ายดาย "Gastille" บีบอัดแก๊สเอาไว้ที่ปากแล้วพ่นออกมาเป็นลำแสงสีเขียวอ่อนเข้าไปพุ้งอัดระเบิดเป้าหมายอย่างรุนแรง "Shinokuni" โหมดที่รวมกับอาวุธเคมีจนสร้างแก๊สพิษสีม่วงและหมอกพิษสีม่วง โดยมีคำว่า ตาย-ดินแดน ที่อกทำให้ร่างขยายขึ้นสูงถึง7-10ม.พร้อมกับสามารถใช้แก๊สพิษที่สามารถแช่แข็งทุกสิ่งได้ในทันทีที่โดนแก๊สพิษนี้เข้าไป

ขอขอบคุณผู้สนับสนุนหลักเว็บ Fast98 เป็นเว็บตรง ที่การันตีความมั่นคง ปลอดภัย มีเกม สล็อตแตกง่าย ให้เลือกเล่นมากกว่า 3000 เกม

#tagsClose

0 notes

kuypawit · 3 years

Text

ประวัติ กาซิล จากการ์ตูนเรื่อง แฟรี่ เทล

กาซิล เรดฟ็อกซ์ จอมเวทดราก้อนสเลเยอร์เหล็ก ตอนเด็กเขาถูกเลี้ยงดูโดยมังกรเหล็ก "เมทัลลิคาน่า" หลังจากที่เมทัลลิคาน่าหายตัวไปก็ถูกเบลโน่ 1 ในสมาชิกของสภาเลี้ยงดูแต่เด็กจนโตจึงไปเข้าแฟนธ่อมลอร์ด กาซิลเคยถูกขนานนามว่าเป็นชายที่แข็งแกร่งที่สุดของแฟนธ่อมลอร์ด แล้วก็ก่อเรื่องหลายครั้งแต่ถูกเบลโน่ช่วยไว้ทุกครั้ง แล้วถูกเบลโน่แนะนำให้ออกจากแฟนท่อมลอร์ดตลอด เพราะว่าอยากให้กาซิลมีชีวิตที่มีความหมาย เพราะกาซิลมีนิสัยเหี้ยมโหดและเลือดเย็น กับไม่ฟังจึงเป็นต้นเหตุทำให้เกิดสงครามกิลด์ระหว่างแฟนท่อมลอร์ดกับแฟรี่เทล แต่เมื่อพ่ายแพ้ให้นัตสึ จึงไม่มีที่ไปกับใช้ชีวิตแบบกินเศษเหล็กเป็นอาหารในเมืองร้าง แล้วถูกมาคาลอฟชวนให้เข้ากิลด์เพราะจูเบียขอร้อง ตอนแรกกาซิลไม่เอาเพราะกลัวว่าจะเข้ากับคนในกิลด์ไม่ได้ แต่มาคาลอฟบอกสาเหตุที่มาชวนเพราะไม่อยากให้กาซิลหลงผิดเหมือนอีวานจนกาซิลยอมเข้ากิลด์ เลยมาอยู่กับกิลด์แฟรี่เทล

เวทย์มนต์ "เวทปราบมังกรเหล็ก" เวทสังหารมังกรที่จะสามารถสรรสิ่งและแปลงร่างสัดส่วนต่างๆบนร่างกายให้เป็นเหล็กโลหะแข็งและยื่นหดได้ดั่งใจ พร้อมยังสามารถกลืนกินโลหะอื่นๆเพื่อเพิ่มพลังเวทให้แก่ตนเอง และขั้นสุดยอดของเวทนี้คือการเปลื่ยนเหล็กให้กลายเป็นเหล็กกล้าเพื่อนำมาใช้ต่อสู้ "Iron Dragon's Roar" (มังกรเหล็กคำราม) การสูบลมเข้าปากแล้วปรากฎวงเวทสีเขียวที่ปากแล้วพ้นคลื่นพายุปนเศษโลหะจำนวนมากออกมาเข้าทำลายศัตรู "Iron Dragon's Lance: Demon Logs" การเสกเข็มเหล็กสีเทายาว10-15ซม.ออกมาปาเข้าทิ่มแทงศัตรู "Iron Dragon's Scales" ปรับเปลื่ยนผิวหนังให้กลายเป็นผิวเหล็กสีเทาเพื่อเพิ่มความทนทานต่อการโจมตีจากศัตรู "Iron Dragon's Club" การเปลื่ยนหมัดเป็นเหล็กสีเทาแล้วยื่นออกไปชกศัตรูอย่างรวดเร็วและรุนแรง "Iron Dragon's Sword" การแปลงแขนให้เป็นเลื่อนโลหะยาว2ม.ให้ผ่าศัตรู "Steel Dragon's Sword" การแปลงมือให้กลายเป็นดาบเหล็กกล้าสีดำม่วงยาว1.5ม.ใช้ฟาดฟันศัตรูอย่างรุนแรง "Iron Dragon's Kunai" การเสกคุไนโลหะที่มีลักษณะเป็นมีดสั้นสีเทายาว20ซม.เพื่อปาปักศัตรู "Iron Dragon's Foot Blade " การเสกใบมีดยื่นออกมาจากส้นเท้ามีความยาว20ซม.ใช้เพื่อเป็นอาวุธที่เท้า "Iron Dragon's Hard Fist" การพุ้งเข้าชกอัดใส่กลางร่างศัตรูแล้วอัดเวทลงที่ร่างปรากฏคลื่นอัดซ้ำๆเข้าไปยังร่างศัตรูส่งผลทำให้ร่างศัตรูกระเด็นถอยออกไปรัว ๆ

"Iron Dragon's Hammer" แปลงมือให้กลายเป็นค้อนเหล็กใช้ทุบทำลาย "Karma Demon: Iron God Sword" ใช้มือผสานกันแล้วสร้างดาบเหล็กยาว10ม.แล้วฟาดลงผ่าศัตรูอย่างรุนแรง "Karma Demon: Iron Spiral" การพุ้งตัวลงไปยังศัตรูแล้วแปลงร่างทั้ง2ข้างรวมกันเป็น��วานเจาะแล้วหมุนตัวด้วยความแรงราวกับสวานพุ้งลงทะลวงศัตรู "โหมด Iron Shadow Dragon Mode" โหมด"มังกรเหล็กเงา"การผสานธาตุเหล็กและเงาเข้ารวมกันทำให้ทั่วร่างเปลื่ยนเป็นผิวโลหะสีเทาและมีอ่อร่าสีดำพุ้งขึ้นอาบทั่วร่างมีความสามารถที่มีความทนทานจากผิวหนังที่เป็นโลหะและสามารถแทรกร่างลงไปในเงาเพื่อหลบการโจมตีและเคลื่อนตัวเข้าหาศัตรูได้อย่างรวดเร็ว "Iron Shadow Dragon's Roar" (มังกรเหล็กเงาคำราม) เมื่อเข้าโหมดมังกรเหล็กเงาจะสามารถพ้นลำแสงทำลายล้างสีเหลืองออกมาจากปากมีพลังของ2ธาตุผสานกันทำให้มีความรุนแรงในการทำลายล้างที่สูงและยิงออกไปไกลได้ราว ๆ 1-2กม. "Iron Shadow Dragon's Club" หมัดเหล็ก��ังกรเหล็กเงา การเปลื่ยนหมัดเป็นเหล็กสีเทาและอาบธาตุเงาเข้าด้วยแล้วยื่นหมัดเหล็กเงาพุ้งเข้าอัดศัตรูอย่างรุนแรง

ขอขอบคุณผู้สนับสนุนหลักเว็บ Fast98 เป็น เว็บตรงสล็อต อันดับต้น ๆ ของประเทศ สมัครฟรีไม่มีขั้นต่ำ ฝาก-ถอนด้วยระบบออโต้ มีแอดมินให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง

0 notes

kuypawit · 3 years

Text

ประวัติ คาคุสึ จากการ์ตูนเรื่อง นารุโตะ

คาคุสึเป็นนินจาจอมโหดผู้โลภมากที่สามารถสังหารคู่หูได้ทุกเมื่อ เขาเข้ากลุ่มแสงอุษาเพราะคิดว่าเป็นแหล่งรายได้ที่ดีโดยจะกำจัดนินจาที่มีค่าหัวในตลาดมืดและนำไปขึ้นเงินจนได้ชื่อว่าเป็นถุงเงินของแสงอุษา คาคุสึเป็นนินจาถอนตัวจากหมู่บ้านทาคิงาคุเระและเข้าร่วมกลุ่มแสงอุษาโดยเขาสวมแหวนแสงอุษาสัญลักษณ์ “ดาวเหนือ” (Hokuto) ไว้ที่นิ้วกลางข้างซ้าย คาคุสึมีความสามารถในการแยกแขนงร่างจึงสู้ได้ทั้งระยะใกล้และไกล สามรถเย็บร่างกายที่ขาดไปแล้วให้กับฮิดันและเดอิดาระให้กลับมาใช้ได้ มีสัตว์ประหลาดถูกเย็บติดอยู่ที่ด้านหลังภายใต้หน้ากากเพื่อใช้เป็นหัวใจสำรองซึ่งได้มาจากนินจาที่เขาเคยสู้ด้วยและชิงเอามาครอบครองเรียกได้ว่าเขามีหัวใจถึง 5 ดวง หรือปิศาจ 5 ชีวิต และยังสามารถดึงเอาจักกระเจ้าของร่างเดิมมาเป็นของตนเองจึงสามารถแปลงคุณสมบัติจักระได้หลายธาตุ

อายุที่แท้จริงของคาคุสึยังเป็นปริศนา เขาบอกว่านินจาจากโคโนฮะคนแรกที่เขาเคยสู้ด้วยคือโฮคาเงะรุ่นที่ 1 และเผยเคล็ดลับว่าก่อนที่หัวใจของเขาจะหมดอายุขัยเขาจะใช้หัวใจที่ชิงมาหยุดเอาไว้อายุจึงยืนยาวเรื่อย ๆ การจะกำจัดคาคุสึที่มีทั้งพละกำลังมหาศาลกับความเร็วจึงต้องทำลายหัวใจทั้งหมดที่มี คาคุสึสามารถแยกร่างปิศาจออกมาโดยมันสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระและจะถ่ายหัวใจมาที่ร่างต้นเมื่อร่างต้นตายลง คาคุสึปฏิบัติภารกิจโดยจับคู่กับฮิดันที่มีร่างกายเป็นอมตะ ทั้งสองจับตัวพลังสถิตสองหางและฆ่าจิริคุ (Chiriku) ซึ่งเป็นถึงอดีต 12 นินจาองครักษ์ได้และนำร่างไร้วิญญาณนั้นไปขึ้นเงิน ไม่นานทีมอาสึมะไล่ตามคาคุสึกับฮิดันมาแต่ไม่สามารถเอาชนะได้และจบลงด้วยการตายของอาสึมะ ก่อนจะจัดการกับพวกชิกามารุเขาก็ถูกเพนเรียกตัวกลับเพื่อสะกดพลังสถิตร่างสองหาง คาคุสึกับฮิดันถูกพวกชิกามารุไล่ตามแก้แค้น ระหว่างต่อสู้เขาไม่ทันระวังตัวจึงถูกคาคาชิใช้ตัดสายฟ้าโจมตีจากด้านหลังจนเสียหัวใจไปหนึ่งดวงและถูกคาคาชิขโมยเลือดไป ฮิดันใช้วิชาของตนหมายจะฆ่าชิกามารุโดยไม่รู้ว่าหลงกลทำให้หัวใจของคาคุสึถูกทำลายลงอีกดวง ก่อนที่กำลังเสริมของโคโนฮะจะมาถึงและเป็นนารูโตะที่ใช้วิชาดาวกระจายวงจักรทำลายหัวใจที่เหลืออีกสามดวงของเขาด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวตามด้วยตัดสายฟ้าของคาคาชิ ก่อนจะถูกนำร่างไปชันสูตรที่โคโนฮะ

คาถา "คาถาเงา ร่างแยกวารี" การใช้น้ำสร้างร่างเงาขึ้นมาโดยร่างเงานั้นสามารถทำการต่อสู้แทนเจ้าของได้ เมื่อมันโดนทำลายจะแตกกลายเป็นน้ำดั่งเดิม "Earth Grudge Fear" คาถาเส้นด้ายอมตะเป็นคาถาที่จะทำให้ผู้ใช้สามารถชิงหัวใจผู้อื่นมาเป็นของตัวเอง ทำให้แม้โดนทำลายหัวใจไปหนึ่งดวงแต่ก็ยังสามารถมีต่อได้เรื่อยๆจนกว่าหัวใจทุกดวงจะโดนทำลาย ทั้งมีความสามาถในสร้างและควบคุมเส้นด้ายสีดำจำนวนมากมายเพื่อใช้ต่อสู้ในการรัดและทิ่งแทง และยังสามารถแบ่งด้ายสร้างออกมาเป็นปีศาจหน้ากาก4ตน ที่มีความสามารถราวกับเป็นมนุษย์มีจักระธาตุที่ต่างกันในการโจมตี คือ ไฟ น้ำ สายฟ้า "Raiton: Gian" คาถาสายฟ้า : ความมืดเทียมฃ

สนับสนุนโดย เว็บFast98 ให้คุณได้มากกว่า กิจกรรมดี ๆ เครดิตฟรี อีกมากมาย แอดมิน คอยบริการ 24 ชม. ระบบออโต้ทำรายการ ภายใน 5 วินาที

0 notes

kuypawit · 3 years

Text

ประวัติ จิไระยะ จากการ์ตูนเรื่อง นารุโตะ

จิไรยะ ศิษย์ของ โฮคาเงะรุ่นที่ 3 (ซารุโทบิ ฮิรุเซ็น) พร้อมกับ โอโรจิมารุ และ ซึนาเดะ ที่รู้จักในชื่อ สามนินจาในตำนาน จิไรยะเป็นอาจารย์ชั่วคราวให้กับ นางาโตะ (เพน)โคนัน และ ยาฮิโกะ (เพน วิถีสววรรค์)แห่งหมู่บ้านอาเมะงาคุเระ 3 ปี ก่อนจะกลับหมู่บ้านโคโนฮะ หลังจากนั้นจึงได้เป็นอาจารย์โดยตรงของ โฮคาเงะรุ่นที่ 4 (นามิคาเสะ มินาโตะ)กับลูกศิษย์ที่ไม่ปรากฏนามอีก 2 คน หลังจบสงครามโลกนินจาครั้งที่ 3(กำเนิดคาคาชิเนตรวงแหวนวีระบุรุษที่สะพานคันนาบิ)จิไรยะได้ออกเดินทางเพื่อเขียนหนังสืออีกครั้งตามคำทำนาย ก่อนจะกลับมาที่โคโนฮะและพบนารูโตะ(อายุ12ปี)ขณะฝึกวิชาเพื่อสอบจูนินรอบสุดท้าย และได้เป็นอาจารย์ของนารูโตะตั้งแต่นั้นมา จิไรยะมีฉายาคือ "เซียนกบ" เขาชอบท่องเที่ยวผจญภัย ในระหว่างการเดินทาง เขาได้แต่งหนังสือ สวรรค์รำไร หรือ อะจึ๋ยสวรรค์รำไร และได้ฉายาว่า "เซียนลามก" จากนารูโตะ ในวัยเด็ก จิไรยะได้ใช้คาถาอัญเชิญที่โฮคาเงะรุ่นที่ 3 ทำให้ดู โดยที่ยังไม่ได้ทำสัญญากับสัตว์อัญเชิญ ทำให้จิไรยะได้ไปที่ภูเขาเมียวโบคุ เพื่อฝึกวิชาเซียนกบแต่เพราะอยู่ในช่วงสงคราม ทำให้จิไรยะต้องไปๆมาๆระหว่างโคโนฮะและภูเขาเมียวโบคุ ท่านเซียนกบใหญ่ได้ทำนายว่าลูกศิษย์ของจิไรยะจะเป็นคนเปลี่ยนแปลงโลกนินจา เขาจึงเริ่มออกเดินทางเพื่อเติมเต็ม

ประสบการณ์ในชีวิตของเขา ขณะที่เขาเดินทางเขาก็แต่งหนังสืออ่าจึ๋ยๆ ไปด้วย เมื่อจิไรยะกับมายังโคโนฮะอีกครั้ง นารูโตะได้ใช้คาถายั่วยวนจิไรยะ (คาถามหารั่นจวน) จนจิไรยะทนไม่ไหวและเขาก็ได้ออกเดินทางไปพร้อมกับนารูโตะพร้อมทั้งสอนทักษะระดับโฮคาเงะต่างๆ ให้กับนารูโตะ จนกระทั่งเขารู้สึกทึ่งกับความอีดของนารูโตะถึงแม้นารูโตะจะซื่อบื่อผิดจากมินาโตะลูกศิษย์คนโปรดของจิไรยะ แต่นารูโตะก็ไม่ยอมแพ้และมีความพยามสูง นอกจากนี้จิไรยะได้ให้นารูโตะทำสัญญาเลือดกับ กบกามะ กามะบุนตะ จิไรยะได้กุญแจปลดผนึก8วิถีที่ผนึกคุรามะเอาไว้จากมินาโตะ และใช้มันปลดผนึกให้นารูโตะตอนที่เดินทางไปฝึกวิชา แต่นารูโตะควบคุมคุรามะ(9หาง)ไม่ได้ อาภรณ์ปีศาจจิ้งจอกออกมา 4 หางทำให้จิไรยะได้รับบาดเจ็บสาหัสรอบที่ 2(รอบแรกเกิดจากไปแอบดูผู้หญิงอาบน้ำแล้วโดนซึนาเดะต่อย) จิไรยะมีงานอดิเรกคือแอบดูผู้หญิงอาบน้ำเป็นประจำ แม้แต่ในขณะที่นารูโตะกำลังลำบาก (สำหรับเป็นข้อมูลในหนังสือสวรรค์รำไร) หลังจากทีม"งู"ของซาสึเกะ และทีมโคโนะฮะได้ออกเคลื่อนไหวเพื่อหาตัวอุจิวะ อิทาจิ จิไรยะได้ลักลอบเข้าหมู่บ้านอาเมะงาคุเระได้สำเร็จ เขาได้ต่อสู้กับเพน หรือ นางาโตะ ซึ่งมีถึง 6 ร่าง โดยครั้งนี้เขาได้เผยร่างเซียนออกมาสู้กับเพน และในขณะที่ได้รู้ถึงร่างจริงของเ��น เขาก็ได้โดนเพนโจมตีที่ลำคอทำให้พูดไม่ได้ จิไรยะจึงสลักคีย์เวิร์ดเกี่ยวกับตัวจริงของเพนไว้ที่หลังของผู้เฒ่ากบ ก่อนจะสิ้นลมหายใจไป สุดท้ายจิไรยะถูกเพนฆ่าตายในมังงะตอนที่ 353

คาถา "คาถาอันเชิญ" เป็นคาถาที่จะเรียกสัตว์ที่เคยทำสัญญาออกมา สัตว์*กบที่เคยเรียกได้แก่ -กามะบุนตะ เจ้าพ่อกบ -กามะเคน กบนักสู้ -ย่ากบ ชิมะ -ปู่กบ ฟุคาซากุ "Frog Kata" *ประลองกบ การโจมตีผ่านธรมมชาติเพื่อโจมตีโดยไม่ให้ผู้ต่อสู้รับรู้ "Flame Bullet" พ้นลูกไฟกว้าง5-10ม.พุ้งออกไปอัดใส่ผู้ต่อสู้ "Finger Carving Seal" การรวมจักระที่ปลายนิ้วใช้ข่วนเขียน "คาถาแยกร่าง" การผสานอินเพื่อเรียกร่างปลอมขึ้นมาอีก1-2ร่างเพื่อช่วยสู้ "คาถาสลับร่าง" การสลับกับสิ่งของรอบข้างเพื่อใช้รับการโจมตีของผู้ต่อสู้แทนร่างจริงโดยร่างจริงก็จะโผล่หรือหลบอยู่ในบริเวณรอบๆที่ใช้คาถาไม่ไกลนัก "กระสุนวงจักร" การปั้นจักระสร้างเป็นบอลหมุนสีฟ้าขึ้นมาที่มือแล้วใช้อัดเจาะใส่ผู้ต่อสู้อย่างแรงด้วยอนุภาพในการทะลวงตามความแรงของปริมาณจักระที่ใช้สร้างและขนาด "กระสุนวงจักรมหายักษ์" (โอดามะ ราเซ็นกัน) (กระสุนวงจักรลูกใหญ่) การปั้นจักระสร้างเป็นบอลหมุนสีฟ้าขึ้นมาที่มือมีขนาดใหญ่กว้าง10-20ม.ใช้เจาะทะลวงอย่างรุนแรง "คาถาดิน บ่อน้ำพุเหลือง " คาถาเปลื่ยนพื้นดินกลายเป็นบ่อน้ำสีดำทำให้ผู้ต่อสู้จมและโดนความร้อนลวก "คาถาระเบิดน้ำมันคางคก" ให้กามะบุนตะพ่นน้ำมันแล้วจิไรยะพ่นคาถาไฟ ระเบิดเพลิง ประสานไปพร้อมๆกันเข้าอัดใส่ผู้ต่อสู้อย่างรุนแรง

ขอขอบคุณผู้สนับสนุนหลักเว็บ Fast98 เป็นเว็บสล็อต ฟรีเครดิต ที่การันตีความมั่นคง ปลอดภัย สมัครฟรีไม่มีขั้นต่ำ

0 notes

kuypawit · 3 years

Text

ประวัติ อุคิทาเกะ จูชิโร่ จากการ์ตูนเรื่อง บลิช เทพมรณะ

อุคิทาเกะ จูชิโร่ เกิดในตระกูลขุนนางชั้นล่างของโซลโซไซตี้ เป็นพี่ชายคนโตของพี่น้องจำนวน 8 คน ด้วยความสามารถที่โดดเด่นและอุปนิสัยที่มีอัธยาศัยดี เขาจึงสามารถขึ้นมาเป็นหัวหน้าหน่วยรุ่นแรกๆที่จบจากสถาบันวิญญาณชินโฮได้ไม่นาน และเข้ามาเป็นหัวหน้าของหน่วยที่ 13 ซึ่งแน่นอนว่า เป็นหัวหน้าของคุจิกิ ลูเคียเช่นกัน แต่ติดที่เขามักจะป่วยกระเสาะกระแสะกับโรคประจำตัวอยู่บ่อยครั้ง ทำให้ไม่ค่อยออกไปดูแลหน่วยเท่าที่ควร ซึ่งเขาได้ให้ชิบะ ไคเอ็นรองหัวหน้าคอยดูแลหน่วยแทนให้ จนเมื่อไคเอ็นเสียชีวิตลง ก็ได้อันดับสามของหน่วยทั้งสองคนอย่างโคเท็ตสึ คิโยเนะและโคสึบากิ เซ็นทาโร่เป็นคนคอยช่วยเหลือการดูแลหน่วยแทน

หัวหน้าหน่วยที่ 13 มีรูปลักษณ์ของชายอายุราว 20 ปี ลักษณะเด่นของเขาคือผมที่ขาวโพลนทั้งศีรษะ เนื่องมาจากอาการวัณโรค เขาป่วยหนัก 3 วัน 3 คืน จนผมกลายเป็นสีขาว เ��ามีใบหน้าที่ดูสงบแต่ก็ยิ้มแย้มอยู่เสมอ เป็นคนที่มีอัธยาศัยดีมาก จนใครๆก็รักใคร่ และได้รับการนับถือทั้งจากคนทั้งหน่วยเดียวกันและหน่วยอื่นทั้งในด้านอุปนิสัยและความสามารถที่โดดเด่น เสียอย่างเดียวคือ ร่างกายที่ไม่ค่อยแข็งแรงต้องล้มหมอนนอนเสื่ออยู่บ่อยครั้ง เนื่องมาจากเป็นโรคปอดมาตั้งแต่เด็ก อุคิทาเกะเป็นหนึ่งในหัวหน้ายมทูตที่ไม่เห็นด้วยกับคำสั่งประหารลูเคีย จึงตัดสินใจที่จะร่วมมือกับ"เคียวราคุ ชุนซุย"ทำลายโซเคียคุในที่สุด จนทั้งคู่ต้องมาต่อสู้กับ"ยามาโมโต้ เก็นริวไซ"(หัวหน้าหน่วย 1 และหัวหน้าของ 13 หน่วยพิทักษ์)ซึ่งมีศักดิ์เป็นอาจารย์ของพวกเขาแต่เมื่อแผนร้ายของไอเซ็นถูกเปิดเผย ทำให้การต่อสู้ยุติลง และเขาก็เป็นหนึ่งในหัวหน้ายมทูตที่เข้าล้อมจับไอเซ็นและพรรคพวกที่ลานประหาร แต่ไอเซ็นก็หนีไปได้ในที่สุด หลังจากนั้นเขาได้ไปส่งพวกของอิจิโกะกลับโลกมนุษย์ พร้อมกับมอบอุปกรณ์อันเป็นเครื่องหมายของตัวแทนยมทูตให้กับเขา

ดาบฟันวิญญาณ ขั้นต้น(ชิไค) ชื่อ : โซเกียวโนะโคโตวาริ (สัจจะมัจฉาคู่) คำปลดปล่อย : "จงเป็นโล่ให้ข้าดั่งเกลียวคลื่น จงเป็นดาบให้ข้าดั่งสายฟ้า" ลักษณะ : ตัวดาบจะแยกออกเป็นสองเล่มมีใบดาบเป็นโลหะสีดำยาว1.5ม. ซึ่งจะมีสายร้อยถึงกันที่ปลายด้ามดาบซึ่งจะมีแผ่นเครื่องรางโลหะเล็กๆห้อยติดอยู่ตามสาย และคมดาบจะมีลักษณะเป็นซี่แยกเป็นงุ้มไปด้านสัน

ความสามารถ รูปแบบที่1 : สามารถสะท้อนการโจมตีได้จากเครื่องรางโลหะที่ห้อยตามสายโดยการดูดซับพลังการโจมตีจากดาบข้างหนึ่งและถ่ายโอนพลังผ่านสายเครื่องรางแล้วยิงพลังการโจมตีนั้นออกจากดาบอีกข้าง ซึ่งการโจมตีที่สะท้อนกลับไปจะรวดเร็วและรุนแรงขึ้นมาก อีกทั้งยันต์ที่ห้อยอยู่จะทำการปรับเปลี่ยนพลังวิญญาณและความเร็วเล็กน้อยให้คู่ต่อสู้กะจังหวะหลบพลาด รูปแบบที่2 : สามารถสร้างเกลียวคลื่นมาล้อมรอบตัวเพื่อป้องกัน(เป็นกำแพงน้ำกันการโจมตีที่รุนแรงมากได้)และนำเกลียวคลื่นที่พลังของศัตรูมาโจมตี สร้างความเสียหายให้แก่คู่ต่อสู้ได้ รูปแบบที่3 : สามารถใช้สายฟ้าสร้างความเสียหายให้คู่ต่อสู้ได้ รูปแบบที่4 : สามารถสร้างพายุคลื่นมาใช้เป็นโล่กำบังการโจมตีให้ตนเองและคนอื่น

ขอขอบคุณผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการเว็บ Fast98 เป็น เว็บตรงไม่ผ่านเอเย่นต์ ฝาก-ถอนด้วยระบบออโต้ ฝากถอนไม่มีขั้นต่ำ พร้อมแอดมินบริการตลอด 24 ชั่วโมง

0 notes

kuypawit · 3 years

Text

ประวัติ เฮียคุยะ ยูอิจิโร่ จากการ์ตูนเรื่อง เทวทูตแห่งโลกมืด

เด็กหนุ่มตัวเอกของเรื่องนี้ เดิมทีนั้นในวัยเด็กตัวเขามีชื่อว่า “อามาเนะ ยูอิจิโร่” ซึ่งถูกพ่อแม่ของตนเองรังเกียจเพราะมีตัวตนบางอย่างอันเร้นลับที่ซ่อนอยู่ในกายของเขา จึงได้ทำให้ตัวเขาต้องกลายเป็นเด็กกำพร้าในสถานรับเลี้ยงเด็กที่ชื่อ “เฮียคุยะ” ซึ่งเด็ก ๆ ที่นี่จะใช้นามสกุลร่วมกัน เสมือนเป็นครอบครัวสายเลือดเดียวกัน ก่อนที่เหล่าแวมไพร์ได้กวาดต้อนให้ยูอิจิโร่และครอบครัวบ้านเฮียคุยะ ไปอยู่ในสถานที่ที่เรียกว่า “แซงกวิเนี่ยม” ซึ่งในวันหนึ่ง… พวกยูอิจิโร่ได้วางแผนที่จะหลบหนีจากแซงกวิเนี่ยม แต่ความโหยหาในอิสรภาพที่ตัวเขาจะได้รับมานั้น กลับต้องการแลกมาด้วยชีวิตของเหล่าสมาชิกในครอบครัวเฮียคุยะทุกๆ คน เขาจึงได้กล่าวและสาบานต่อตนเองว่าจะทำลายล้างเหล่าแวมไพร์ให้หมดสิ้นไปให้จงได้ นั่นจึงทำให้ตัวเขาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในกองกำลังของมนุษยชาติ ในนามของ “กองทัพอสูรแห่งจักร��รรดิญี่ปุ่น” ภายใต้สังกัดกลุ่มระดับแนวหน้าที่ชื่อ “กลุ่มเก็คคิ” กลุ่มปิศาจจันทรา)

มีนิสัยเป็นคนที่ใจร้อน มุทะลุ หัวรั้น และเป็นคนที่อ่อนโยน ตัวเขาเองไม่ได้ต้องการที่จะมีเพื่อนเพราะไม่อยากเห็นการสูญเสียที่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ได้เข้าร่วมทีมมิตซึบะ ที่เป็นหน่วยกวาดล้างสังกัดย่อยกลุ่มเก็คคิ อันรวมพลของเหล่าเด็กมีปัญหา ถึงแม้จะชอบฉายเดี่ยวไม่ค่อยคิดหน้าคิดหลัง แต่ก็คำนึงถึงพวกพ้องเป็นหลัก ตัวเขามีความลับบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับการทดลอง “เซราฟแห่งการสิ้นสุด”

อาวุธ

"อาชูร่ามารุ”

Asuramaru

ดาบคาตานะยาว1.5ม.ใบดาบสีเขียว ด้ามจับสีดำ ตัวดาบกำเนิดมาจากพลังแวมไพร์ มีรูปลักษณะที่แท้จริงเป็นชาย แต่แต่งเหมือนผู้หญิง ผมยาวสีคราม อายุ1200ปี มีความสามารถในการกลืนกินและสร้างคำสาปลบล้างพลังในการรักษา ของปีศาจและแวมไพร์ รวมถึงสามารถสร้างดาบได้หลายเล่มในเวลาเดียวกัน

ความสามารถ

"Asura-Kannon" ความสามารถของดาบอาชูร่ามารุ ที่สามารถเรียกดาบคาตานะสีดำยาว1.5ม.จำนวนสิบๆเล่มพร้อมเปลวไฟสีแดงออกมาใช้ส่งออกไปทิ่มแทงเป้าหมาย

"Asura-Kannon: Thousand Blades" อาณาเขตดาบอาชูร่า เป็นการสร้างเขตสีดำเป็นวงกว้างนับร้อยเมตรพร้อมสามารถเสกดาบคาตานะนับพันเล่มออกมาเพื่อส่งเข้าทิ่มแทงและฟาดฟันเป้าหมายทุกทิศทาง

"Angels" ทูตสวรรค์

เป็นอำนาจพลังที่เกิดจากการที่มนุษย์ต้องการพลังอำนาจที่เหนือทุกสิ่ง และมักจะนำพามาซึ้งความหายนะแทบทุกครั้งไป ซึ้งพลังทูตสวรรค์นั้นจะมีรูปแบบที่แตกต่างกันไปแล้วแต่คน โดยช่วงแรกจะแสดงออกเป็นปีกสีดำ ต่อมาด้วยปีกขนนกสีขาวขนาดใหญ่4ปีกที่หลัง โดยมันจะนำพาซึ้งพละกำลังที่มหาศาล และอำนาจทำลายล้างที่มีแต่พลังทูตสวรรค์ด้วยเช่นกันถึงจะสามารถต่อกรได้

"โหมด ราชาเกลือ" พลังจากการยืมพลังทูตสวรรค์ที่มีในร่างก่อเกิดความสามารถในการเสกและสาปให้ทุกสิ่งกลายเป็นเกลือขาวได้ในพริบตา มีพลังอำนาจพอที่จะสามารถต่อกรกับทูตสวรรค์ได้ แต่ทว่าจะควบคุมสติไม่ค่อยได้ มีอาวุธเป็นหอกเกลือสีขาวยาว2ม.

ขอขอบคุณผู้สนับสนุนหลักเว็บ Fast98 เป็นเว็บ สล็อตฟรี อันดับต้น ๆ ของประเทศ สมัครฟรีไม่มีขั้นต่ำ ฝาก-ถอนด้วยระบบออโต้ มีแอดมินให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง

0 notes

kuypawit · 3 years

Text

ประวัติ โคคุชิโบ จากการ์ตูนเรื่อง ดาบพิฆาตอสูร

��คคุชิโบ ตำแหน่ง จันทร์ข้างขึ้นอันดับ 1

อสูรที่แข็งแกร่งที่สุดรองจากมุซันเท่าที่มีการเปิดเผยตัวออกมา มีดวงตา 6 ดวง และเชี่ยวชาญวิชาดาบขั้นสูง และยังเป็นผู้ใช้ปราณจันทรา

สมัยเป็นมนุษย์มีชื่อว่า สึกิคุนิ มิชิคัตสึ เดิมเป็นนักล่าอสูรผู้ใช้ปราณตะวัน เขายังมีน้องชายฝาแฝดคือนักดาบอัจฉริยะ สึกิคุนิ โยริอิจิ ซึ่งเป็นผู้ใช้ปราณตะวันเช่นกันและน้องชายฝาแฝดของเขายังเป็นนักล่าอสูรที่ได้ชื่อว่าเก่งที่สุดในประวัติศาสตร์ด้วย

โดยที่โคคุชิโบนั้นได้ยอมกลายเป็นอสูร เนื่องจากกลัวความตาย ทำให้ต้องกลายเป็นอสูรเพื่อจะได้เป็นอมตะ

โคคุชิโบนั้นได้ปะทะกับเสาหลักพร้อมกัน3คน

แต่โคคุชิโบก็สามารถรับมือทั้ง3คนได้ แต่แล้วยิ่งสู้ไปเรื่อยๆก็ถูกไล่ต้อนจนพ่ายแพ้และโดนตัดคอจนตายไป

อาวุธ

"ดาบเลือด" ดาบวิชาเลือดอสูร โดยตัวดาบจะมีลักษณะเป็นดาบคาตานะสีแดงยาว1.7ม.มีดวงตาติดเรียงบนใบดาบ มีความสามารถยืดและหดความยาวของใบดาบได้ สามารถเรียกใบดาบงอกขึ้นมาตามใบดาบและบนร่างกายของโคคุชิโบได้เช่นกัน ใบดาบมีความคมที่สามารถตัดเหล็กกล้าให้ขาดได้อย่างง่ายดาย

ความสามารถ

"อสูร" อสูรสิ่งที่ชีวิตใต้แสงจันทร์ มีความเป็นอมตะที่เรียกได้ว่าแม้จะยิง จะฟันยังไงก็ไม่ได้ ร่างกายจะฟื้นฟูขึ้นได้ใหม่เรื่อย ๆ อสูรขั้นปกติมีผิวหนังแข็งหนายิ่งกว่าเหล็ก ดาบธรรมดาฟันไม่เข้า ยิ่งหากเป็นอสูรที่กินมนุษย์มามากแล้วก็ยิ่งแข็งแกร่งแม้แต่เหล็กกล้าก็ฟันไม่เข้าหากไม่ใช้ปราณต่าง ๆ ด้วยเสริมในการฟัน มีความหิวกระหายเลือดเนื้อมนุษย์เพียงอย่างเดียว ยิ่งกินมนุษย์ได้มากเท่าไหร่ก็จะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ แต่จะมีบางจำพวกที่สามารถรับได้เรื่อย ๆ จนทำให้มีความสามารถพิเศษเพิ่มขึ้นมาโดยเกิดได้ยากมาก

จุดอ่อนของอสูร มีเพียง2อย่าง

1.ไม่ชอบกลิ่นดอกฟูจิเป็นอย่างมาก

2.ไม่สามารถโดนแสงแดดและสิ่งของที่ดูดซับแสงแดดเช่น ดาบนิจิริว เนื่องจากแสงแดดจะสามารถสลายเซลล์อสูรทำให้ไม่สามารถรักษาร่างกายได้ในทันที

"เนตรอสูร" ดวงตา6ดวงที่เกิดจากวิชาเลือดอสูรมีความสามารถในการมองทะลุทะลวงทุกสิ่งแม้แต่เครื่องในของสิ่งมีชีวิต เพื่ออ่านจุดอ่อน และการเคลื่อนที่ของเป้าหมายได้อย่างชัดเจน

"โหมด : ร่างดาบคลั่ง" งอกเขาขึ้นทั้งสองข้างพร้อมงอกเขาและดาบขึ้นตามหลัง ซึ้งเป็นความสามารถในการปลดปล่อยวิชาเลือดอสูรทำให้สามารถปลดปล่อยคลื่นดาบและใบดาบออกมาจากร่างกายได้ในรวดเดียวเพื่อทำร้ายทุกคนในระยะพร้อมงอกดาบขึ้นมาบนร่างเพื่อกีดกักเข้ามาใกล้

กระบวนท่า

"First Form: Dark Moon - Evening Palace"

ปราณจันทรา รูปแบบที่1 ตะวันตกดิน

ตวัดดาบด้วยความเร็วพร้อมสร้างคลื่นวงจันทร์เสี้ยวมีความกว้าง1-2.จำนวนนับสิบ ๆคลื่นออกมารอบใบดาบเข้าตัดผ่าเป้าหมาย

"Third Form: Loathsome Moon - Chains"

ปราณจันทรา รูปแบบที่3 จันทราชั่วร้าย

ตวัดดาบสร้างคลื่นจันทร์เสี้ยวกว้าง20-50ซม.จำนวนนับสิบ ๆ คลื่น��ระจายออกมาตัดศัตรูโดยรอบ

"Fifth Form: Moon Spirit Calamitous Eddy"

ปราณจันทรา รูปแบบ5 คลื่นวนวิญญาณจันทรา

สร้างใบดาบขึ้นมาเป็นจำนวนมากพร้อมสามารถสร้างคลื่นฟันที่ใช้ฟันเป้าหมาย โดยแม้ดาบในมือไม่ได้ทำการฟาดฟันไปด้วย

"Seventh Form: Mirror of Misfortune - Moonlit"

ปราณจันทรา รูปแบบที่7 กระจกชั่วร้าย

ฟาดคลื่นดาบแนวตั้งสูง2-4ม.ปลดปล่อยเคลื่อนเข้าถล่มอัดเป้าหมายอย่างร้ายแรง ในรวดเดียวแต่ถูกปลดปล่อยออกมาหลายทิศทางพร้อมกัน

"Tenth Form: Drilling Slashes - Moon Through Bamboo Leaves"

ปราณจันทรา รูปแบบ10 จันทราผ่าใบไผ่

ฟาดคลื่นคมดาบสร้างคลื่นพายุสูงเคลื่อนเข้าถล่มพัดเป้าหมายอย่างรุนแรงพร้อมสร้างคมดาบตัดและบาดเป้าหมายอย่างรวดเร็ว

"Fourteenth Form: Catastrophe - Tenman Crescent Moon"

ปราณจันทรา รูปแบบ14 ศาลเสี้ยวจันทรา

สร้างคลื่นดาบอันทรงพลังขยายออกมาในรวดเดียวเพื่อทำลายทุกสิ่งในระยะจนพังพินาศ

"Sixteenth Form: Moonbow - Half-Broken Moon"

ปราณจันทรา รูปแบบ16 รุ้งจันทรา - จันทร์ครึ่งเสี้ยว

เหวี่ยงดาบด้วยการเฉือนลงทำให้เกิดแรงเฉือนหกเท่าที่ทรงพลังกระแทกเข้าหาเป้าหมาย การโจมตีนั้นมีพลังมากพอที่จะสร้างหลุมอุกกาบาตขนาดเล็กหลายแห่ง

ขอขอบคุณผู้สนับสนุนหลักอย่างเว็บ Fast98 เป็นเว็บตรง ที่การันตีความมั่นคง มีเกม สล็อตแตกง่าย มากกว่า 3000 เกม สมัครฟรีไม่มีขั้นต่ำ มีแอดมินให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง

0 notes

kuypawit · 3 years

Text

ประวัติ โยสุเกะ ฮานามุระ จากการ์ตูนเรื่อง เพอร์โซนา

โยสุเกะ ฮานามุระ เพื่อนร่วมชั้นของตัวเอก โยสุเกะเป็นลูกชายของผู้จัดการห้างสรรพสินค้า จูเนส โยสุเกะเป็นคนที่มีนิสัยสบายๆ ซุ่มซ่าม ทะลึ่ง และขี้เล่น ผลการเรียนไม่ดีนัก ตัวเขานั้นคิดว่าเมืองชนบทอย่างอินาบะนั้นน่าเบื่อและหวังว่าจะมีเรื่องที่ทำให้ชีวิตของเขาตื่นเต้นขึ้นมาบ้าง เมื่อซากิ โคนิชิ รุ่นพี่ซึ่งทำงานพิเศษอยู่ที่จูเนสถูกฆ่าตาย โยสุเกะได้ชวนให้ตัวเอกสืบเรื่องนี้โดยเข้าไปในโลกแห่งโทรทัศน์ เมื่อคุมะพาทั้งคู่ไปยังทีวีรัตติกาล ย่านการค้า โยสุเกะได้เจอกับชาโดว์ของตน ซึ่งเยาะเย้ยว่าตัวเขาเองเอาการตายของซากิมาอ้างเพื่อจะได้ผจญภัยเท่านั้น โยสุเกะใช้อาวุธเป็นมีดคู่ เพอร์โซนาของโยสุเกะใช้เวทมนตร์ลมและมีความสามารถที่สมดุล

โยสุเกะเป็นโซเชียลลิงก์ของอาร์คานา แมจิกเชียน เนื่องจากเป็นเป็นลูกชายของผู้จัดการจูเนสซึ่งทำให้ร้านค้าจำนวนมากต้องเลิกกิจการ ทำให้เขาไม่เป็นที่รักของชาวเมืองอินาบะสักเท่าไหร่ นอกจากนั้นพวกนักเรียนที่ทำงานพิเศษยังมักพยายามใช้เส้นสายผ่านเขาอีกด้วย การคบหากับตัวเอกทำให้โยสุเกะรู้สึกตัวว่าเขาเห็นซากิเป็นคนสำคัญจริงๆและเมืองอินาบะก็เป็นสิ่งสำคัญของเขา การที่เขาสืบเรื่องการฆาตกรรมนี้จึงไม่ใช่แค่การหาเรื่องตื่นเต้นอย่างที่ชาโดว์บอกเท่านั้น

เพอร์โซนา

สิ่งมีชีวิตและอาจไม่มีชีวิต ที่ก่อตัวขึ้นเป็นดั่งกระจกสะท้อนจิตใจของมนุษย์ มักปรากฎในรูปแบบของปีศาจ เทพเจ้า จักกล สิ่งที่อยู่ต่างมิติออกไปมีรูปแบบทั้งกายธรรมและเป็นนามธรรม และมักอ้างอิงมาจากมิติ Megami Tensei จักรวาลหลัก ซึ้งในเชิงสัญลักษณะของเพอร์โซนาจะมีรูปแบบไพ่ยิปซี ที่แสดงอารมณ์ต่างๆ สิ่งที่อยู่ด้านลบของเพอร์โซนา ก็คือชาโดว์ ที่อำนาจมากพอในการสร้างมิติโลกโซเชียลลิงก์ทับซ้อนกับมิติของโลกจริง

เพอร์โซนาประจำตัว

จิไรยะ ปีศาจกบนินจา ผู้เป็นนินจารวดเร็วดั่งสายลม เป็นจิตใจที่เกิดจาก

โยสุเกะ ฮานามุระ หลังจากการโซเชียลลิงก์*หลังจากเอาชนะร่างมืดในใจมาก่อนและกลายมาเป็นพลังเพอร์โซนาแก่ร่างหลัก มีรูปร่างเป็นจักกลร่างคน ดาวตาเป็นดาวกระจาย หูสีดำทรงกลมหากดูรวมกันทั้งหัวจะดูเหมือนหัวกบสีดำ ฝ่ามือเป็นฝ่ามือแบบกบ ผิวสีเขียวสูง 2 ม. สวมชุดสีขาว ผ้าพันคอสีแดง มีความสามารถเหมือนนินจาและพกอาวุธนินจาทุกชนิด เช่น ดาวกระจาย มีดสั้นคุไน โซ่ รวมถึงมีพลังของธาตุลมที่สามารถเสกพายุ และควบคุมสายลมได้ดั่งใจ

ซุซะโนะโอะ Takehaya Susano-o

เทพวายุในตำนานเทพญี่ปุ่น น้องชายของเทพสุริยะ อะมะเทระสุ เป็นการพัฒนาร่างมาจาก เพอร์โซนา จิ ไรยะ ด้วยความกล้าที่อยากปกป้องเพื่อน ก่อเกิด เพอร์โซนา ระดับเทพเจ้า มีรูปร่างเป็นชายสูง 3 ม. มีผมที่ปล่อยออกมาเป็นทรงกลมเหมือนดวงอาทิตย์ สวมชุดสีเขียว ถุงมือและรองเท้าสีทองคำ มีวงแหวนเหมือนกรงจักรล้อมตัวเอาไว้ ซึ้งเป็นรูปแบบเวอร์ชั่นของเพอร์โซนา ไม่เกี่ยวกับรูปแบบ Megami Tensei จักรวาลหลัก มีความสามารถควบคุมสายลม และมวลอากาศในระดับทั้งมิติ สามารถเสกสร้างพายุขึ้นมาที่ไหนก็ได้ พร้อมมีความรุนแรงพอที่สามารถทำร้ายเทพเจ้าหรือปีศาจต่างมิติได้

ขอขอบคุณผู้สนับสนุนหลักเว็บ Fast98 เว็บที่มีค่ายเกมสุดฮิตอย่าง สล็อตpgแตกง่าย การันตีความมั่นคง ปลอดภัย ได้มาตรฐาน มีแอดมินให้บริการตอลด 24 ชั่วโมง

0 notes

kuypawit · 3 years

Text

ประวัติ ซีบร้า จากการ์ตูนเรื่อง โทริโกะ นักล่าอาหาร

วันเกิด 9 ก.พ.

อายุปัจจุบัน 29 ปี

มีลักษณะเด่นคือปากของซีบร้าฉีกยาวไปถึงแก้มที่ข้างซ้าย เนื่องจากต้องการกินอาหารให้ได้มากขึ้น เป็นนักล่าอาหารนิสัยโหดบ้าเลือดและกินเยอะเทียบเท่ากับโทริโกะ มีความสามารถในการใช้เสียงและคลื่นต่างๆ จึงเพียบพร้อมทั้งพลังทำลายและมีความสามารถด้านการต่อสู้ที่เก่งที่สุดในบรรดาจตุรเทพนักล่าอาหาร บ้าการต่อสู้และมี "หูนรก" กระทั่งเหรียญตกในรัศมีระยะ 10 กิโลเมตรยังได้ยิน แน่นอนว่าการเต้นของหัวใจก็ย่อมรับฟังได้เช่นกัน จึงตัดสินได้ว่าผู้นั้นโกหกเขาหรือไม่ จุดอ่อนคือารมณ์ เมื่อโกรธจะเป็นบ้า ถูกคุมขังไว้ที่คุกรังผึ้ง โดยฝีมือของเทปเปกับโยซากุ การที่ผู้คนรู้ข่าวว่าซีบร้าออกมา ประทศที่ทำสงครามกันได้หยุดสงครามได้หมดและหันมาจับมือเพื่อป้องกันอาหาร และป้องกันปัญหาอย่างซีบร้า ดังนั้นจึงมีผู้ได้รับผลกระทบจากสงครามบางส่วนยกย่องกับนับถือซีบร้ามาก สาเหตุที่ซีบร้าโดนจับเพราะว่าไปทำให้สัตว์สงวนสูญพันธุ์ไป 26 สายพันธุ์ แต่ว่าที่จริงแล้ว 26 ชนิดนั้นล้วนเป็นสัตว์ร้ายที่มีระดับความยากสูงที่อันตรายกับเป็นภัยต่อมนุษย์อาศัยในระบบนิเวศ

โดยตอนที่ติดอยู่ในคุกรังผึ้งฮันนี่พริซั่น ซีบร้าได้ฝึกฝนตัวเองอยู่ในคุก หลังที่โทริโกะไปพาซีบร้าออกจากคุก ได้ไปฆ่าพวกสัตว์ร้ายในคุกที่ดูถูกซีบร้าตอนอยู่ในคุก แล้วต้องไปจับอาชญากรรมกรูเมต์ มา 500 คน หาวัตถุดิบใหม่ที่ไม่มีใครค้นพบมา 100 ชนิด จึงจะพ้นโทษข้อกล่าวหา ตอนไปล่าเอาเมลโล่โคล่า ต้องการโคมัตสึมาเป็นคู่หู โคมัตสึจึงทำข้อต่อรองโดยให้ซีบร้าทำฟูลคอร์สถึงตัดสินใจหลังจากนั้น พอได้เมลโล่โค่ามาใส่ในฟูลคอร์ส คิดชวนโคมัตสึมาเป็นคู่หูทันที แต่พอโคมัตสึเห็นว่ามีอันเดียวจึงยอมเป็นคู่หูไม่ได้จนกว่าฟูลคอร์สของโทริโกะกับซีบร้ารวบรวมกันครบ โคมัตสึถึงตัดสินใจได้ จากนั้นซีบร้าได้พ้นโทษ โดยจับอาชญากรรมกรูเมต์ล้วนสภาพปางตายทุกคน และวัตถุดิบที่ไปหามาเป็นระดับ A กับไปโลกกรูเมต์ ทำให้พวกนักจัดหาวัตถุดิบของ IGO วุ่นวายในเวลาอันรวดเร็ว ซีบร้าแตกต่างจากจตุรเทพนักล่าอาหารคนอื่นคือไม่สนใจวัตถุในฟูลคอร์ส ของเทพนักล่าอาหารอาคาเชีย

ความสามารถ

ปีศาจเสียง ซาวดน์ ปีศาจคลื่นเสียง ผู้ใช้พลังเสียงเขย่าดวงดาวโดยมันเป็นปีศาจที่กำเนิดพลังเสียงให้กับ ซีบร้า

Sound Bazooka การคำรามให้เกิดคลื่นเสียงที่รุนแรงชนิดทำให้สัตว์ร้ายในระยะสลบ

Thunder Noise การพ้นบอลเสียงสีทองออกไปปรากฎเป้นกระแสสายฟ้าสีทองผ่าใส่ผู้ต่อสู้อย่างรุนแรง

Voice Missile การพ้นคลื่นเสียงขนาดใหญ่ออกไปอัดใส่ผู้ต่อสู้จนเกิดระเบิดออกมาเป็นวงกว้างนับ40ม.

Voice Burst การพ้นคลื่นเสียงเป็นลำแสงสีแดงพุ้งออกไปเจาะทำลายล้างผู้ต่อสู้

Voice Cutter การปล่อยคลื่นเสียงออกมาเป็นเหมือนเส้นด้ายสีแดงใช้ผ่าใส่ร่างผู้ต่อสู้ให้ขาด

Single Slash Voice Cutter การพ้นคลื่นเสียงสีแดงพุ้งออกไปเหมือนเส้นแสงสีแดงผ่าตัดผู้ต่อสู้

Machine Gun Voice การพ้นคลื่นเหมือนกระสุนสีแดงเข้าถล่มอัดใส่ผู้ต่อสู้

Voice Press การพ้นคลื่นเสียงสีแดงที่รุนแรงชนิดทำให้ผู้ที่โดนตายได้ในทันที

Meteor Noise การพ้นคลื่นเสียงสีแดงออกมากลายเป็นก้อนแล้วปรากฎลำแสงสีแดงพุ้งลงผ่าอัดใส่ร่างของผู้ต่อสู้จนสลาย

"Voice Meteor Shower การพ้นคลื่นเสียงสีแดงขนาดใหญ่กว้าง20ม.ลอยเหนือหัวของผู้ต่อสู้และกลายเป็นก้อนแล้วปรากฎลำแสงสีฟ้านับร้อยพุ้งลงอัดใส่ร่างของผู้ต่อสู้จนสลาย

Death Sound การพ้นคลื่นเสียงมรณะสีเทาออกไปจากปากเมื่อโดนผู้ใดก็จะทำลายตายในทันที

Beat Punch รวมพลังเสียงไว้ที่หมัดเพื่อเพิ่มพลังแล้วชกอัดใส่ผู้ต่อสู้ด้วยความแรงที่ระเบิดภูเขาให้แตกเป็นเสี่ยงได้

Sound Knuckle การรวมพลังเสียงไว้ที่หมัดแล้วปล่อยออกไปจากหมัดเหมือนลำแสงสีแดงพุ้งอัดใส่ศัรตู

Weak Point Voice การกระจายเสียงออกมาจากร่างทำให้สัตว์ร้ายหมดสติ

ขอขอบคุณผู้สนับสนุนหลักอย่างเว็บ Fast98 เป็นเว็บ สล็อตjoker ที่ได้มาตรฐานสากล สมัครฟรีไม่มีขั้นต่ำ มีแอดมินให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง

0 notes

kuypawit · 3 years

Text

ประวัติ โทเซ็น คานาเมะ จากการ์ตูนเรื่อง บลีช เทพมรณะ

วันเกิด 13 พฤศจิกายน

สีผม สีม่วง

ส่วนสูง 173 เซนติเมตร

น้ำหนัก 61 กิโลกรัม

ในภาคโซลโซไซตี้ เขาเป็นหัวหน้ายมทูตที่เข้าต่อสู้กับ "ซาราคิ เคมปาจิ" หัวหน้าหน่วย 11 ซึ่งได้แอบช่วยเหลือพวกของอิจิโกะ ซึ่งเขาก็กลายเป็นฝ่ายพลาดท่าจากการต่อสู้แบบบ้าระห่ำอย่างสุดๆของเค็มปาชิจนได้รับบาดเจ็บ ในตอนท้าย เขาประกาศตัวชัดว่าเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อการกบฏร่วมกับ "ไอเซ็น โซสึเกะ" อดีตหัวหน้าหน่วย 5 และถูกล้อมจับที่เนินโซเคียคุ แต่ในที่สุดก็หนีไปได้ด้วยการช่วยเหลือของเหล่าฮอลโลว์ ซึ่งเหตุผลของการก่อกบฏนี้ก็น่าจะมาจากความต้องการที่จะสร้างคุณธรรมขึ้นมาในแบบของเขา ดั่งประโยคนี้ ของเขา

"ถ้าคุณธรรมในโลกมีไม่เพียงพอ ตัวข้าจะเป็นคุณธรรมเอง"

ในหลังจากภาคโซลโซไซตี้ในมังงะ โทเซ็นปรากฏตัวอีกครั้งในระหว่างการต่อสู้กันของเหล่ายมทูตกับ "อารันคาร์" (เหล่าฮอลโลว์ที่ได้รับพลังยมทูต สมุนของไอเซ็น) ซึ่งได้เข้ามาขวางการต่อสู้ระหว่าง"คุโรซากิ อิจิโกะ" กับ "กริมจอว์ แจ็กเกอร์แจ็ก" อารันคาร์หมายเลข 6ในกลุ่มเอสปาด้า ซึ่งโทเซ็นได้พาตัวกริมจอว์กลับไป พร้อมก��บลงโทษกริมจอร์ด้วยการตัดแขนข้างหนึ่ง และเผาแขนของกริมจอว์ทิ้ง และโดยส่วนตัวนั้น เขาคิดว่า "กริมจอว์ แจ็กเกอร์แจ็ก" นั้นเป็นจักรกลต่อสู้เหมือนกับ "ซาราคิ เคมปาจิ" ภาคไอเซ็นบุกโลกโทเซ็น ได้เข้าต่อสู้กับโคมามุระ และ ฮิซากิ โดยใช้พลังของฮอลโลว์ ทำให้โทเซ็นสามารถมองเห็นได้ (เหมือนการสวมหน้ากากของ อิจิโกะ และ การปลดปล่อยดาบของเอสปาด้า ผสมกัน) แต่โทเซ้นก็ได้พ่ายแพ้ ให้กับ ฮิซากิ ชูเฮย์ และโดน ไอเซ็น กำจัดในที่สุดเพราะเห็นว่า โทเซ็น นั้นหมดประโยชน์แล้ว

ขั้นปลดปล่อยสวัสดิกะ(บังไค)

ชื่อ : ซึยกิชิ เอ็นมะโคโรกิ (จิ้งหรีดพญายม)

ลักษณะ : จะสร้างห่วงขึ้นมา 8 ห่วง ซึ่งมันจะขึงตัวเองเป็น 8 มุมและเกิดเป็นโดมขนาดใหญ่สีดำ ครอบคลุมผู้ใช้ คู่ต่อสู้ และบริเวณพื้นที่ต่อสู้ทั้งหมด

ความสามารถ : เมื่อคู่ต่อสู้ถูกขังอยู่ในโดมสีดำ จะสูญเสียประสาทสัมผัสทั้งหมด(รูป,รส,กลิ่น,เสียง,สัมผัสพลังกดดันวิญญาณ ยกเว้นกายสัมผัส)ทำให้ยากที่จะตอบโต้ผู้ใช้ได้ ผู้ที่สัมผัสดาบ ซึซึมุชิ เท่านั้น ที่จะรับรู้ประสาทสัมผัสทั้งหมดได้อย่างปกติ

ความสามารถ

หน้ากากฮอลโลว์ ได้สวมหน้ากากสีขาวปิดทั่วหน้ามีความสามารถในการเพิ่มแรงดันวิญญาณและใช้ความสามารถในการสร้างเซโร่แบบอารันคาได้อีกด้วย

"Grillar Grillo" การปลดปล่อยดาบแบบอารันคาทำให้ร่างกลายแปลงเป็นเหมือนสัตว์ประหลาดมีร่างที่มีขนสีดำทั่วร่างมีหน้าเหมือนแมลงวันมีปีก4อันและ4แขนมีความสามารถในการสร้างคลื่นด้วยท่า"Los Nueve Aspectos" การสร้างคลื่นเสียงที่มีความถี่ผสานกับเซโร่เพื่อทำให้สิ่งที่โดนเข้าได้เริ่มแตกสลาย และยังมีท่า"La Mirada" คือการยิงเซโร่เป็นลำแสงสีเขียวที่มีอนุภาพทำลายล้างสูงไกลถึง2-4กม.

ขอบคุณผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการเว็บ Fast98 เป็นเว็บตรง ที่การันตีความมั่นคง เป็นเว็บ พนันบอล ที่ได้มาตรฐานสากลระดับโลก

0 notes

kuypawit · 3 years

Text

ประวัติ คุจิกิ เบียคุยะ จากการ์ตูนเรื่อง บลีช เทพมรณะ

ยมทูต หัวหน้าหน่วยที่ 6

วันเกิด 31 มกราคม

ส่วนสูง 180 เซนติเมตร

น้ำหนัก 64 กิโลกรัม

เขาปรากฏตัวครั้งแรกพร้อมกับรองหัวหน้าหน่วย 6 "อาบาราอิ เร็นจิ"จากคำสั่งปลอมของ "วังกลาง 46 ห้อง" ให้ไปจับตัวลูเคียกลับมาจากโลกมนุษย์ และเบียคุยะนั้นยังเป็นผู้ตัด"โซ่กรรม"ของอิจิโกะ จนอิจิโกะสูญเสียพลังของยมทูตที่ได้มาจากลูเคียไป

หลังจากนั้นเบียคุยะก็ไม่ได้สนใจที่จะช่วยเหลือลูเคีย นั่นเพราะเขาเองได้สาบานแล้วว่าจะไม่แหกกฎอีก ทำให้อยู่ในฐานะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก และเขาก็ได้ต่อสู้กับเร็นจิที่ต้องการช่วยลูเคียและเอาชนะได้ ในตอนท้ายของภาคโซลโซไซตี้ เขาได้เข้าต่อสู้กับอิจิโกะและได้ใช้พลังและความสามารถทั้งหมดเท่าที่มีในการต่อสู้ จนในที่สุดเขาก็ยอมและจากไปทั้งที่ยังไม่รู้ผล แต่ในตอนที่ลูเคียกำลังจะโดน"อิจิมารุ งิน"จัดการ เขาก็เอาตัวเองมารับการโจมตีแทน และหลังจากนั้นเขาก็บอกความจริงทั้งหมดเกี่ยวกับพี่สาวของลูเคีย เขาได้พักรักษาตัวเองอยู่ที่โซลโซไซตี้

ขั้นต้น (ชิไค)

ชื่อ : เซ็มบงซากุระ (Senbonzakura ซากุระพันดอก ?)

คำปลดปล่อย : "จงโปรยปราย" (chire)

ความสามารถ : ตัวคมดาบจะกลายสภาพเป็นกลีบเล็กๆจำนวนนับพันกระจายออกคล้ายกลีบดอกซากุระ ซึ่งจะพุ่งเข้าเฉือนร่างของคู่ต่อสู้อย่างรวดเร็วและรุนแรง และสามารถใช้ในการตั้งรับได้อีกด้วย สามารถกันได้ทุกอย่าง โดยที่เบียคุยะจะเว้นขอบเขตระหว่างตัวเองกับคมดาบเอาไว้85ซม.เพื่อกันไม่ให้คมดาบฟันโดนตนเอง เรียกว่า เขตไร้บาดแผล เซ็มบงซากุระเคยเข้ามาในเขตไร้บาดแผลเพียงสองครั้งเท่านั้นคือตอนที่ดาบฟันวิญญาณก่อกบฏ กับตอนที่สู้กับซึคิชิม่า

ขั้นบังไค

ชื่อ : เซ็มบงซากุระคาเงโยชิ (เงาหาญซากุระพันดอก)

ลักษณะ : เป็นดาบเหมือนเดิม

ความสามารถ : ซึ่งตัวคมดาบทั้งหมดจะแตกออกเป็นกลีบซากุระจำนวนนับไม่ถ้วน และจะเข้าโจมตีคู่ต่อสู้ด้วยความเร็วสูงมากราวกับพายุ และถ้าใช้วิธีควบคุมด้วยมือ ความเร็วก็จะเพิ่มขึ้น2เท่า

รูปแบบที่ 1 "เซ็มบงซากุระคาเงโยชิ" (เงาหาญซากุระพันกลีบ)

เบียคุยะจะปล่อยดาบจมลงดิน และผุดขึ้นมาเป็นคมดาบยักษ์จำนวนนับไม่ถ้วนเรียงเป็นแถวยาวจนลับสายตา ซึ่งตัวคมดาบทั้งหมดจะแตกออกเป็นกลีบซากุระจำนวนนับไม่ถ้วน และจะเข้าโจมตีคู่ต่อสู้ด้วยความเร็วสูงมากราวกับพายุ และถ้าใช้วิธีควบคุมด้วยมือ ความเร็วก็จะเพิ่มขึ้น2เท่า

รูปแบบที่ 3 "ชูเคย์" (เงาสุดท้าย) ฮาคุเทย์เค็น (ดาบจักรพรรดิขาว)

กลีบคมดาบทั้งหมดจะมารวมกันเป็นดาบเดียวที่มือ ซึ่งจะมีสีขาวส่องประกาย และจะมีแสงเป็นรูปปีกแตกออกสองข้าง จากนั้นก็พุ้งเข้าหาผู้ต่อสู้เหมือนลำแสงสีขาวเข้าไปอัดปะทะกับผู้ต่อสู้เพื่อทำลายผู้ต่อสู้ให้หายไป ด้วยอนุภาพสามารถทำลายภูเขาให้หายไปได้

รูปแบบที่ 4 "โกเคย์" (เงาลำคอ)

กลีบเซ็มบงซากุระจะล้อมรอบศัตรูและจะเข้ารุมอัดใส่ผู้ต่อสู้ทำให้ผู้ต่อสู้โดนกลีบดอกซากุระที่คมเหมือนดาบราวกับโดนดอกนับร้อยเข้าฟาดฟันทั่วร่างทำให้ร่างผู้นั้นแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ

ความสามารถ

"ก้าวพริบตา" การเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเสียง

"วิถีพันธนาการที่ 61 ริคุโจโคโร" ปรากฎแสง6เส้นเข้าไปปักที่ร่างเป้าหมาย6มุมทำให้ขยับตัวไปไหนไม่ได้

"วิถีพันธนาการที่ 81 ดันคู " ปรากฎกำแพงแสงสีขาวกว้าง20ม.สูง20ม.ที่ด้านหน้าเพื่อป้องกันการโจมตี

0 notes

kuypawit · 3 years

Text

ประวัติและสกิลพลัง จูเบีย ล็อกเซอร์ จากการ์ตูนเรื่อง แฟรี่เทล

อายุ 17 ปี

เวท วารี

ฉายา สตรีแห่งสายฝน

จอมเวทวารี อดีตหนึ่งในสมาชิกเอเลเมนท์โฟร์ของแฟนธ่อมลอร์ด เธอสนใจกิลด์แฟรี่เทลเพราะหลงรักเกรย์มาก ถึงขนาดเรียกว่า "ท่านเกรย์" ระหว่างที่��ธอได้เห็นสีหน้าของแต่ละคนในกิลด์ที่ดูสนุกสนานตลอดเวลา เธอเลยตัดสินใจเข้าร่วมกิลด์ เธอไม่เพียงแค่ใช้เวทมนตร์สายวารีได้ทุกชนิด แต่ยังสามารถแปลงตัวเองเป็นน้ำได้ด้วย ในอดีตเธอเป็นผู้หญิงที่มาพร้อมสายฝน จนกลายเป็นปมด้อยที่ทำให้เสียเพื่อนและถูกกลั่นแกล้งสารพัด ซึ่งเหตุที่เข้ากลุ่มเอเลเมนท์โฟร์ในช่วงนั้นก็เพียงเพราะต้องการคนยอมรับในตัวเธอ แต่ตอนนี้ดูเหมือนเธอจะไม่ใช่ผู้หญิงที่มาพร้อมสายฝนอีกแล้ว เธอเปลี่ยนทั้งทรงผมและเสื้อผ้าใหม่ ๆ เพราะตั้งใจจะกลมกลืนกับกิลด์แฟรี่เทลให้ได้ไว ๆ แต่ที่จริงคนรอบข้างยังคงกลัวจูเบียอยู่ มองลูซี่เป็นคู่แข่งเพราะเกรย์สนใจลูซี่ ซึ่งภายหลังทุกคนในกิลด์ยอมรับจูเบียมากขึ้นจนกลายเป็นเพื่อนร่วมกิลด์ที่แท้จริง

สกิลต่าง ๆ

Water Body : เมื่อจูเบียถูกโจมตีด้วยอาวุธ โดนฟัน แทง หรือโดนยิง ร้างของจูเบียก็จะเป็นน้ำและจะกลับคืนในสภาพเดิมที่ไม่มีลอยขีดข่วนใดๆซึ้งทำให้การโจมตีทางกายภาพไม่อาจทำอะไรจูเบียได้

Water Bubbles: เป็นการที่จูเบียจะสร้างลูกบอลน้ำขึ้นมา ส่วนขนาดนั้นแล้วแต่จูเบียต้องการ จูเบียสามารถใช้ท่านี้ครอบคู่ต่อสู้ไว้ในฟองน้ำ��อให้คู้ต่อสู้ขาดอากาศหายใจและเสียชีวิตในที่สุด หรือจะใช้ท่านี้ในการเดินทางก็ได้โดยการสร้างฟองน้ำขึ้นมาแล้วดึงฟองน้ำไปตามทางแล้วไปถึงจุดหายและจูเบียก็สามารถไหลไปตามน้ำได้

Water Slicer: จูเบียสามารสร้างคลื่นน้ำที่มีแรงดันน้ำอันมหาศาลเข้าโจมตีคู่ต่อสู้ ซึ้งคลื่นน้ำนี้มีความคมกริบ ซึ้งสามารถเชือนคู่ต่อสู้ให้เป็นชิ้นๆได้ในเวลาอันสั้น

Water Can: เป็นการสร้างแส้น้ำ ไว้ที่มือซึ้งความยาวนั้นขึ้นอยู่กลับจูเบียต้องการ ซึ้งเป็นการโจมตีในระยะไกล โดยที่จูเบียจะฟาดคู่ต่อสู้ด้วยความแรง

Water Dome: เป็นท่าที่จูเบียสร้างโดมน้ำครอบตนเองเอาไว้ในโดมเป็นท่าป้องกันได้

Water Jigsaw: เป็นท่าที่จูเบียชูขึ้นเหนือหัวจากนั้นก็มีวงเวทต์ปรากฏขึ้นมาแล้วก็มีน้ำหมุนอยู่ที่กลางวงเวทย์ด้วยความเร็วสูง จากนั้นน้ำก็ที่หมุนอยู่ก็แตกออกแล้วน้ำเหล่านั้นก็จะพุ้งเข้าไปโจมตีคู่ต่อสู้

Water Lock : เป็นท่าที่สร้างโดมน้ำครอบอีกฝ่ายโดยที่มีน้ำอยู่ข้างใน ซึ้งออกซิเจนไม่สามารถเข้าไปข้างในได้ และเป็นท่าที่ทำให้คู่ต่อสู้ไม่สามารถให้พลังได้ในการต่อสู้

Water Nebula : เป็นท่าที่สร้าง น้ำขนาดใหญ่ขึ้นมา2แถวแล้วน้ำเหล่านั้นก็จะพุ่งเข้าไปโจมตีคู่ต่อสู้ด้วยความเร็วสูงและทำให้อีกฝ่ายเจ็บปวดสาหัส เป็นท่าที่โจมตีละยะไกล

Sierra : เป็นท่าที่จูเบียกลายร่างเป็นน้ำเต็มขั้น และก็จะพุ่งเข้าไปทำลายคู่ต่อสู้ด้วยความเร็วสูง และรุนแรง คู่ต่อสู้ก็ไม่สามารถเดาทิศทางการโจมตีได้

Water Cyclone : เป็นท่าที่จูเบียจะสร้างพายุน้ำเข้าโจมตีคู่ต่อสู้ด้วยความเร็วสูงและรุนแรงทำให้อีกฝ่ายบาทเจ็บสาหัส

0 notes

kuypawit · 3 years

Text

ประวัติและสกิลพลัง ไคท์ จากการ์ตูนเรื่อง ฮันเตอร์Xฮันเตอร์

ไคท์ เป็นลูกศิษย์ของจิน ฟรีคส์ พ่อของกอร์น เคยเจอกับกอร์นตอนเด็กและได้ช่วยชีวิตกอร์นไว้จากหมี และได้มอบพวงกุญแจการ์ดฮันเตอร์ของพ่อของกอร์นไว้ให้ด้วย และต่อจากนั้น ได้เจอกันกอร์น และได้ร่วมต่อสู้ กำจัด คิเมร่าแอ๊นท์ และคิดว่า คิรัว และกอร์น นั้นเก่ง แต่ความจริง โคตรกาก ไคท์เลยต้องสละชีวิตตัวเองเพื่อช่วย กอร์นกับคิรัว และได้ตายไปในตอนที่ 85

สกิลต่างๆ

เท็น (หยุด) : การหยุดออร่าไว้ในร่างกาย ปกติออร่าจะออกจากร่างตลอดเหมือนสายน้ำ แต่หากสามารถหยุดไว้ได้ก็จะทำให้ร่างกายมีความแข็งแกร่งและมีการฟื้นฟูที่ดีกว่าปกติ เป็นขั้นตอนแรกที่ผู้ใช้เน็นทุกคนต้องฝึก

เซ็ทสึ (สูญสิ้น) : การดับพลังเน็นที่ออกมาให้สูญสิ้นไป ผู้ที่ใช้เน็นด้วยกันจะสามารถรับรู้ถึงออร่าของอีกฝ่ายได้ การใช้เซ็ทสึซ่อนออร่าของตัวเองจะมีประโยชน์ในด้านการพรางตัวจากเป้าหมาย

เร็น (ปลดปล่อย) : การปล่อยออร่าออกจากร่างกายมากกว่าปกติ ซึ่งจะทำให้ร่างกายมีความแข็งแกร่งทนทานสูงมาก แต่ก็ต้องอาศัยสมาธิสูง ในการต่อสู้จำเป็นต้องรักษาระดับการใช้เร็นไว้เพื่อป้องกันตนเองจากการจู่โจมด้วยเร็นของคู่ต่อสู้

ชู (การผสาน) : เป็นเทคนิคการนำ"เท็น"มาใช้ร่วมกับอุปกรณ์ที่ถืออยู่ โดยการคิดว่าอุปกรณ์ชิ้นนั้นเป็นเหมือนส่วนหนึ่งของร่างกาย และแบ่งออร่าของตนไปครอบคลุมอุปกรณ์นั้น ทำให้สามารถใช้อุปกรณ์นั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

อิน (พราง) : เป็นเทคนิคขั้นสูงของ"เซ็ทสึ" สามารถพรางเน็นที่ปล่อยออกมาได้ 100% โดยยังคงผลของเน็นนั้นอยู่ พูดอีกอย่างก็คือการใช้ฮัทสึได้โดยศัตรูไม่สามารถรับรู้ได้ถึงพลังนั้น ยกเว้นว่าจะใช้"เงียว"ในการดู ซึ่งก็ต้องใช้สมาธิเพิ่มขึ้นอีก

เงียว : (ผนึก) เทคนิคขั้นสูงของ"เท็น" ใช้การรวมออร่าไว้ที่ดวงตา เพื่อเพ่งมองให้ได้ชัดเจนขึ้น การใช้เงียวจะสามารถมองเห็นออร่าของผู้ที่พรางไว้ด้วย "อิน" ได้ อย่างไรตาม"เซ็ทสึ"ที่เป็นการดับพลังออร่า ไม่ใช่การซ่อน จึงไม่สามารถใช้เงียวมองเห็นว่าผู้ใดกำลังใช้เซ็ทสึอยู่

เอ็น (รัศมี) : เทคนิคขั้นสูงของ "เร็น" ใช้การแผ่ขยายออร่าที่คลุมร่างของตนเองให้เป็นรัศมีกว้างออกไปมากกว่าปกติ ทำให้สามารถรับรู้สิ่งที่เข้ามาในขอบเขตของ"เอ็น" ได้ ยิ่งเอ็นแผ่ขยายไปมากก็ยิ่งรับรู้ได้กว้างขึ้น แต่ต้องอาศัยการฝึกขั้นสูง โดยปกติผู้ที่ทำได้ก็จะใช้แค่ในระยะจู่โจมของตนเท่านั้น แต่ถ้าเป็นผู้เชี่ยวชาญอาจใช้"เอ็น"ที่มีรัศมีได้ร่วมร้อยเมตรทีเดียว

โค (รวม) : เทคนิคการผสานการใช้ "เท็น" "เซ็ทสึ" "เร็น" "ฮึทสึ" และ "เงียว" เข้าด้วยกัน โดยการใช้"เท็น"และ"เร็น"ปล่อยออร่าออกมา จากนั้นรวมออร่าไปที่จุดใดจุดหนึ่งของร่างกาย (เงียว) แล้วดับออร่าที่ยังเหลืออยู่ในส่วนอื่นของร่าง (เซ็ทสึ) ทำให้สามารถรวมออร่าไว้ได้เข้มข้นกว่าปกติ แล้วโจมตี (ฮัทสึ) ก็จะได้พลังการโจมตีที่รุนแรงกว่าเดิมหลายเท่าตัว

เค็น (การป้องกัน) : เทคนิคการผสาน"เท็น"และ"เร็น"เข้าด้วยกัน เป็นเสมือนกับการใช้"โค"คลุมทั้งร่าง เพื่อให้สามารถปกป้องร่างกายจากการถูกคู่ต่อสู้โจมตีด้วย"โค"ซึ่งมีอานุภาพรุนแรงเกินที่การคลุมออร่าด้วย"เร็น"จะรับได้ แม้"เค็น"จะมีพลังด้อยกว่าแต่ก็เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกัน

เรียว : การ "เคลื่อนย้าย" ออร่าไปตามส่วนต่างๆของร่างกายตน เพื่อประยุกต์ใช้ในการต่อสู้ทั้งรุกและรับ ตัวอย่างเช่น ในขณะที่รับการจู่โจม บริเวณลำตัวจะถูกคลุมไว้ด้วยออร่า 80% จากนั้นเมื่อโจมตี ก็ทำการเคลื่อนย้ายออร่าจากลำตัว 60% มาไว้ที่หมัด ทำให้เหลือออร่าอยู่บริเวณลำตัวเพียง 20% ผู้ที่เชี่ยวชาญการต่อสู้ควรจะใช้"เรียว" ได้อย่างคล่องแคล่ว

สกิลท่าไม้ตายต่างๆ

เครซี้ปิเอโร : ความสามารถของตัวนี้คือการใช้เน็นสร้างตุ๊กตารูปร่างเหมือนตัวตลก ผมฟู ตัวเล็ก ปากของมันจะเป็นรูเร็ด เป็นความสามารถในการสุ่มอาวุธตามหมายเลขที่ออกมาได้นั้นเอง โดยอาวุธหลักๆที่ออกมามีดังนี้

ปืน : เป็นอาวุธที่ออกมาในหมายเลข 4 ปืนรูปทรงยาว สีดำ มีความสามารถในการยิงกระสุนเน็นที่มีพลังทะลวงที่สูงมากๆ ขนาดที่สามารถเจาะเกราะเเข็งๆของคิเมร่าไพ้เลยทีเดียว

เคียว : อาวุธที่ออกมาในหมายเลข 2 เป็นเคียวด้ามยาว ใบเคียวโค้งงอยาว 2 เมตร โดยประมาณ มีความสามารถในการตัดที่สูงมาก เพียงแค่เหวี้ยงแรงๆรอบตัว ก็สามารถตัดทุกสิ่งรอบตัวให้ขาดเป็น 2 คนในพริบตาเดียว

กระบองคู่ : อาวุธที่ออกมาในหมายเลข 3 เป็นอาวุธรูปทรงเป็นกระบอง ลักษณะเหมือนไม้ตีกลอง สาวนความสามารถยังไม่ปรากฎวิธีการใช้

อาวุธต่างๆ

ดาบคะตะนะ : เป็นดาบที่จะเห็นไคท์พกติดตัวตลอดเวลา รูปทรงเป็นคะตะนะ ด้ามจับสีดำ ปอกดาบที่ดำ ใบดาบสีเงินสวยงาม เป็นดาบที่มีความยาวอยู่พอสมควร ถูกใช้เพียงไม่กี่ครั้งในเนื้อเรื่อง

0 notes

kuypawit · 3 years

Text

ประวัติ ยามาโตะ จากการ์ตูนเรื่อง นารุโตะ

สมาชิกของหน่วยลับ (ANBU) ที่ได้รับคำสั่งจากซึนาเดะ ให้เป็นหัวหน้าทีมแทนคาคาชิ ในขณะที่คาคาชิรับการรักษาตัวจากการต่อสู้ และได้รับโค้ดแนมแทนชื่อว่า ยามาโตะ ภารกิจที่ได้รับคือการจับตาดูซาอิ และไปพบกับสายสืบของซาโซริที่ทำงานอยู่กับโอโรจิมารุ เมื่อถอดหน้ากากหน่วยลับของยามาโตะออก หน้าตาของยามาโตะมีส่วนคล้ายกับโฮคาเงะรุ่นที่ 1 รวมทั้งหมวกป้องกันศีรษะก็คล้ายของโฮคาเงะรุ่นที่ 2 ด้วย เมื่อภารกิจเริ่มขึ้นความสามารถของยามาโตะเริ่มเป็น ที่สงสัยของซากุระ นั่นเป็นเพราะยามาโตะสามารถใช้วิชานินจาไม้ได้ เมื่อพบกับสายสืบของซาโซริ นั่นคือ คาบูโตะ ที่กลับใจมาทำงานให้กับโอโรจิมารุแล้ว คาบูโตะโจมตียามาโตะแต่ยามาโตะก็สามารถหลบได้เช่นกัน ทำให้โอโรจิมารุปรากฏตัวออกมา เมื่อโอโรจิมารุพบยามาโตะเข้าจึงทำให้ที่มาของความสา มารถของยามาโตะก็ได้ปรากฏออกมา นั่นเป็นเพราะว่า ยามาโตะเป็นเด็กที่รอดชีวิตจากการทดลองของโอโรจิมารุ ในการถ่ายยีนของโฮคาเงะรุ่นที่ 1 ลงไปในร่างทารกทั้ง 60 คน ในขณะที่โอโรจิมารุยังอยู่ที่โคโนะฮะ ทำให้ยามาโตะมาความสามารถเหมือนโฮคาเงะรุ่นที่ 1

สกิลต่างๆ

เซลล์ของรุ่นที่ 1 : เมื่อสมัยเด็กเท็ดโซ หรือ ยามาโตะ ได้รับการปลุก่านเซลล์ของโฮคาเงะรุ่นที่ 1 เข้ามาในตัว ด้วนเหตุนั้นจึงทำให้ยามาโตะสามารถใช้คาถาไม้ได้ ซึ่งคาถาไม้เกิดจากการแปรงคุณสมบัติของจักระระหว่างดินกับน้ำจึงทำให้ยามาโตะสามารถใช้คาถาดินกับน้ำเพิ่มเติมได้อีกด้วย

บอลแสง : เป็นการรวบรวมจักระไว้ที่ฝ่ามือจนจักระเหร่านั้นก่อร่างรวมกันเป็นก้อนๆเหมือนลูกแก้วที่สามารถเรืองแสงได้มันมีคุณสมบัติเหมือนตะเกียงที่ใช้ส่องทางให้แก่ผู้ใช้

คาถาดิน แยกทรนี: เป็นวิชานินจาคาถาดินที่สามารถควบคุมพื้นดินให้ยกสูงขึ้นจากนั้นสามารถทำให้พื้นดินที่ยกขึ้นนั้นแยกออกเป็น 2 ฝากทางเป็นวิชานินจาที่มีไว้ เปิดทางสำหลับเจอทางตันหรือมีสิ้งอัตลายอยู่ด้านหน้า

คาถาดิน หอกพระสุทา: เมื่อประสานอินผู้ใช้สามารถควบคุมพื้นดินจำนวนหนึ่งจากนั้นพื้นดินดังกล่าวจะมีหนามที่ทำจากดินงอกออกมาจำนวน4ทิสรอบตัวศัตรูจากนั้นหนามดินดังกล่าวจะพุ้งทะลวงร่างของเป้าหมายจาก4ทิสทางยากที่จะหลบพ้น

คาถาดิน กำแพงปราสาดดินเคลื่อน : เป็นวิชานินจาที่จะสามารถควบคุมพื้นดินให้มันสามารถยกตัวขึ้นได้โดยพื้นดินที่ถูกยกขึ้นนั้นเป็นเหมือนกำแพงดินขนาดยักษ์สามารถนำมันมาใช้สำหลับการป้องกันได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว

คาถาดิน กำแพงพระสุทา: เป็นวิชานินจาดินที่สามารถสร้างกำแพงดินขนาดใหญ่มาป้องกันด้านหน้าของตนเองเหมาะสำหลับการใช้ป้องกันการโจมตีของศัตรูได้เป็นอย่างดี

คาถาไม้ วิชาพันธนาการสงบนิ้ง: เมื่อประสานอินเสร็จชูฝ่ามือขวาออกไปด้านหน้าจะปรากฎท้อนไม้งอกออกมาจากฝ่ามือจำนวนมากซึ่งท้อนไม้เหร่านั้นจะพุ้งออกไปรัดพันร่างของเป้าหมายเพื่อไม่ให้เป้าหมายขยับไปไหนได้ซึ่งวิชานี้เหมาะสำหลับการใช้กับศัตรูตัวใหญ่ๆอย่างสัตว์หางเพราะไม้ที่งอกออกมาจะมีจำนวนเยอะมาก

คาถาไม้แปรงกาย : เป็นคาถาแปรงร่างธรรมดาเนี้ยแหละสามารถแปรงร่างเป็นใครก็ได้ตามต้องการแต่จะไม่สามาระเรียนแบบจักระและวิชาของคนที่เราแปรงร่างนั้นได้

0 notes

kuypawit · 3 years

Text

ประวัติ กิลด์ เตโซโร จากการ์ตูนเรื่อง วันพีช

ปรากฏตัวใน One Piece The Movie 13 : FILM GOLD

วันพีชเดอะมูฟวี่ 13 : ฟิล์มโกลด์ ตอน การเครื่อนไหวของปีศาจแห่งนิวเวิลด์

จักรพรรดิทองคำ เป็นบอสใหญ่ของภาคฟิล์มโกลด์ที่จัดว่าทรงอำนาจและยิ่งใหญ่จนตัวบิ๊กในนิวเวิร์ลไม่มีใครอยากเข้าไปยุ่งเพราะที่นี่เป็นเขตปกครองพิเศษที่ได้รับอภิสิทธิ์จากพวกมังกรฟ้าถ้าใครขืนเข้าไปเตะเรื่องคงไม่จบง่ายๆ เทโซโร่ตัวร้ายในภาคนี้เป็นชายหนุ่มรูปหล่อ สูงสง่า โดดเด่นที่ผมสีเขียว ชอบสวมเสื้อผ้าที่ดูสดุดตาและประดับด้วยอัญมณีมากมายหลายชนิด นิสัยของเค้าถูกแสดงออกให้เห็นมาตั้งแต่เด็กว่าเป็นคนรักในแสงสี และเงินทอง เค้าจึงตั้งความหวังมาตลอดว่าสักวันจะต้องเป็นนักร้องที่มีชื่อเสียงโด่งดังห้อมล้อมด้วยผู้คนมากมายให้จงได้ แต่แล้วจุดหักเหในชีวิตก็มาถึงเมื่อหญิงที่เค้ารักถูกพลากไปต่อหน้าต่อตาเพียงเพราะเค้าไม่มีเงินมากพอที่จะซื้อเธอ นั่นทำให้เค้าแค้นใจตัวเองอย่างมากที่เค้าเป็นเพียงคนจนที่ไร้เงินทอง และตะหนักในทันทีว่าโลกใบนี้ไม่ได้สวยงามอย่างที่คิดความรักที่ปราศจากเงินทองนั้นไม่ยั่งยืนไม่ว่าช้าหรือเร็วยังงัยคนที่มีเงินมากกว่าก็เป็นผู้ชนะอยู่ตลอด หากต้องการชนะจำเป็นต้องมีเงินถึงจะรักษาสิ่งที่รักไว้ได้และถ้ามีเงินมากกว่าทุกคนแม้แต่โลกใบนี้ก็ยังซื้อได้

ผลปีศาจ

"โกลุ โกลุ" : โกล โกล : Gol Gol

ผลทอง สายพารามิเซีย

โดยหลักพลังนี้คือการเปลี่ยนสิ่งที่สัมผัสให้กลายเป็นทองและสามารถควบคุมทองทุกชิ้นที่เคยสัมผัสให้เคลื่อนที่หรือแปลรูปได้ตามใจต้องการ แม้พลังนี้จะเป็นธาตุในธรรมชาติแต่เป็นเรื่องน่าเสียดายที่พลังนี้มันเป็นเพียงสายพารามิเซียที่ยึดร่างผู้ใช้เป็นหลักไม่สามารถสลายร่างหรือสร้างสสารใดๆได้เหมือนสายโรเกียนั่นทำให้ผู้ครอบครองผลทองมีข้อจำกัดในการใช้พลังหลายอย่าง เช่น ทำได้เพียงการควบคุมทองที่มีอยู่ก่อนแล้วกับทองที่ผู้ใช้สร้างขึ้นจากการสัมผัสสิ่งของหรือสิ่งมีชีวิตให้เป็นทองเท่านั้น จุดแข็งของพลังนี้คือสถานะของทองที่มีจุดหลอมเหลวต่ำทำให้ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนรูปร่างของทองได้อย่างง่ายดายทั้งการใช้ในการโจมตีในรูปแบ��อาวุธทั้งแหลมและคมหรือใช้เป็นโล่ที่มีความยืดหยุ่นสูงเปลี่ยนรูปร่างไปตามแรงกะแทกที่ได้รับ หรือแม้กระทั่งการสร้างเกราะที่มีความแข็งแกร่งสูงหลากหลายรูปร่างให้กับทั้งตนเองหรือมอบให้ผู้อื่นก็สามารถทำได้อย่างง่ายดาย และมักกักขังศัตรูด้วยการใช้ทองรัดร่างศัตรูเอาไว้ตามด้วยเคลือบทองทั่วร่างศัตรูด้วยความหนาแน่นของทองจนศัตรูขยับตัวไม่ได้

จุดสูงสุดการตื่นของผลปีศาจ

: ผู้ใช้ได้มาถึงจุดสุดยอดแล้วด้วยการดึงพลังแฝงทั้งหมดออกมาใช้โดยเปลี่ยนสิ่งที่สัมผัสสิ่งของต่างๆเว้นแต่สิ่งมีชีวิต ทั้งใกล้และไกลให้เปลี่ยนเป็นทอง และยังสามารถกำหนดจุดหลอมเหลวได้อย่างอิสระทำให้ทองที่เปลี่ยนกลายร่างและแข็งตัวได้อย่างรวดเร็ว

จุดอ่อน : เมื่อผู้ใช้สัมผัสทองจะสามารถควบคุมได้แต่หากส่วนหนึ่งของทองสัมผัสถูกน้ำทะเลอำนาจจะหายไปในทันที/ทองเป็นธาตุที่มีจุดหลอมเหลวต่ำและไม่แข็งแกร่งนักหากถูกความร้อน , หินไคโร , ฮาคิเกราะ

"หมัดทองคำ" การรวมทองคำสร้างเป็นปลอกหมัดทองคำใช้ชกอัดศัตรูและสามารถใช้ความยืดหยุ่นของทองดูดกันการโจมตีเอาไว้

"ทะเลทองคำ" การกระจายทองคำไปทั่วกินระยะเป็นวงกว้าง100ม.ทำให้ทุกๆคนในระยะค่อยๆจมลงไปในทองจนไม่สามารถหลบหนีได้

"สว่านทองคำ" ใช้ทองคำสร้างหัวสว่านทองคำขนาดใหญ่กว้าง10-20ม.ใช้พุ้งหมุนเข้าทิ่มทะลวงศัตรูอย่างต่อเนื่องและรุนแรง

0 notes