Tumgik
supinetot · 7 years
Photo
Tumblr media Tumblr media Tumblr media Tumblr media
i don’t wanna come down from your love
5K notes · View notes
supinetot · 7 years
Photo
Tumblr media Tumblr media
I don’t wanna come down from your love
1K notes · View notes
supinetot · 7 years
Photo
Tumblr media Tumblr media Tumblr media Tumblr media
so flawless
5K notes · View notes
supinetot · 7 years
Photo
Tumblr media Tumblr media Tumblr media
164 notes · View notes
supinetot · 7 years
Text
Ten out here hittin us with not only killer vocals buT ENGLISH VOCALS
2K notes · View notes
supinetot · 7 years
Text
Ten will arguably be the best dancer to have ever stepped foot into SM. Just give him a few years.
40 notes · View notes
supinetot · 7 years
Text
Ten Singing
Reblog if you agree
453 notes · View notes
supinetot · 7 years
Note
รออ่านฟิคใหม่ๆอยู่นะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ ไม่ได้เข้ามาที่นี่นานมากเลย ฮือออ ต้องขอโทษมากๆที่ตอบช้าค่ะ จริงๆเราก็ยังเขียนฟิคอยู่เหมือนเดิม แต่ย้ายฐานไปที่เว็บ Dek-d แล้วเพราะมันเช็ค data ง่ายกว่า แหะๆ ถ้าสะดวกกันก็ตามไปอ่านฟิคเราที่นี่ได้นะคะ Kismetten : Allten > https://writer.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=1562170
0 notes
supinetot · 7 years
Text
(F) Back to You; NoTen
Author: The T
Rating: NC-17
Fandom: NCT
Relationship: Jeno/Ten
Genre: Romance, Drama
Tropes: Normal People AU, Sibling Incest, Frottage, Anal Sex, Fluff, Posessive Beahvior, Age Difference
Warning: นี่เป็นแค่เรื่องแต่งขึ้นไม่มีอะไรที่เป็นความจริงเลยจ๊ะทั้งหมดนี่คือมโนเองล้วนๆ ผู้เขียนไม่ได้รู้จักอะไรเป็นการส่วนตัวกับศิลปินที่นำมาเขียนโปรดใช้วิจารณญาณในการเสพ, ฟิคเรื่องนี้ไม่ใช่ฟิคใสๆ ช่วยอ่าน tropes ข้างบนให้แน่ใจว่าไม่มีปัญหาก่อนอ่านนะคะ ถ้าไม่โอเคจะได้ข้ามไปไม่ต้องเสียเวลาอ่านเพื่อความสบายใจของทุกฝ่ายเนอะ, ฟิคนี้มีตอนเดียวและค่อนข้างยาว(ความยาวประมาณ 12,000~ คำ) เพราะตัดใจโพสเป็นตอนๆไม่ได้กลัวอารมณ์ไม่ต่อเนื่อง แนะนำให้อ่านด้วย platform ที่สบายตาที่สุดสำหรับทุกคนนะคะ ด้วยความเป็นห่วง
Tag: #โน่ใสๆไม่มีจริง
ถึงพี่เตนล์ของเจโน่
โน่ยังแข็งแรงสบายดี พี่ไม่ต้องบอกโน่ก็ใส่เสื้อหนาๆอยู่แล้วแม่ไม่ยอมปล่อยให้โน่เดินออกจากบ้านด้วยเสื้อน้อยกว่าสามชั้นหรอกน่า แล้วโน่ก็ตั้งใจเรียนด้วยเหอะ! ที่แม่บอกพี่ว่าโน่เหลวไหลกลับบ้านดึกๆดื่นๆน่ะโน่ไปติวหนังสือที่บ้านเพื่อนไม่ได้ไปเที่ยวเล่นที่ไหน พี่เตนล์ห้ามเชื่อที่แม่บอกเลยนะ! โน่ไม่เหลวไหลหรอกน่า นี่ใคร ลีเจโน่สุดหล่อที่ไม่เคยได้คะแนนต่ำกว่าท็อปทรีของชั้นนะครับโน่ไม่มีทางทำให้พี่เตนล์ปวดหัวหรอก ฮ่าๆๆๆ…
เตนล์อมยิ้มส่ายหัวให้กับความขี้เล่นของน้องชาย หลุดหัวเราะๆเป็นพักๆเมื่ออ่านเจออะไรตลกๆในอีเมล์ที่เขียนมาเล่าเรื่องชีวิตของตัวเองในเวลาสี่ห้าวันที่ผ่านมา เตนล์ชอบอ่านอีเมล์ของเจโน นอกจากจะช่วยบรรเทาความคิดถึงบ้านและครอบครัวแล้วเจโน่ยังมีอารมณ์ขันน่ารักปนขี้อ้อนในแบบฉบับของตัวเองมาทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นจากที่เครียดๆจากการเรียนเสมอ
เจโน่เป็นลูกหลงของพ่อกับแม่ที่อายุห่างกับเขาสิบปี ตอนที่เจโน่เกิดเขาก็อยู่ม.5 แล้วตอนนั้นโดนเพื่อนๆล้อกันใหญ่ว่าแอบไปมีลูกกับสาวที่ไหนรึเปล่า เตนล์ได้แต่ยิ้มรับคำล้อของเพื่อนขำๆเพราะตอนได้อุ้มน้องที่ลืมตาดูโลกวันแรกเตนล์ก็รู้สึกแก่กว่าเจ้าตัวจิ๋วใบหน้ายับยู่ยี่ในอ้อมกอดตัวเองมากจนรู้สึกเหมือนกำลังอุ้มลูกตัวเองอยู่เหมือนกัน แต่ถึงจะอายุห่างกันเกือบรอบแต่เจโน่ก็ติดเตนล์มาก มากกว่าแม่หรือพ่อซะอีก
เวลาอยู่กับเตนล์เจโน่จะกลายเป็นเด็กว่านอนสอนง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ แต่พอห่างเตนล์ก็สามารถแผลงฤทธิ์ได้อย่างเหลือร้ายทำให้เตนล์ได้รับหน้าที่ให้อยู่ดูแลน้องบ่อยๆ ซึ่งเตนล์ก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร เขาชอบเด็ก ชอบเล่นและดูแลเด็กโดยเฉพาะเจโน่ ตั้งแต่ยังเป็นทารกเจโน่เป็นเด็กอารมณ์ดี น่ารักยิ้มเก่งแถมยังขี้อ้อน อยู่ด้วยแล้วผ่อนคลาย เจโน่ที่ตอนนั้นเป็นก้อนกลมนุ่มนิ่มชอบเข้ามาคลอเคลียชอบกอดหรือไม่ก็นอนทับเตนล์ แถมเวลาเตนล์หมั่นเขี้ยวฟัดแก้มหรือดึงแก้มเจโน่ยังไม่เคยโวยวายแถมหัวเราะเอิ้กอ้ากชอบใจอีกตั้งหาก เจโน่น่ารักมากจนบางทีเตนล์ก็แอบไม่อยากให้น้องโตเพราะกลัวว่าเด็กผู้ชายโตไปแล้วจะห่างกันมากขึ้นจะไม่ได้กอดน้องเล่นอย่างนี้อีก แต่กลายเป็นว่าเมื่อเจโน่โตขึ้นกลับติดเขายิ่งกว่าเดิม เรียกว่าเป็นพวกชอบสกินชิปสุดๆ ถึงแม้จะดูเหมือนว่าเจโน่จะเป็นอย่างนี้กับเตนล์คนเดียวก็ตาม ดังนั้นเมื่อเตนล์ต้องมาเรียนต่อที่อเมริกาตอนอายุ 21 เด็กน้อยเจโน่วัย 11 ถึงกับโวยวายบ้านแทบแตก อาละวาดสารพัดไม่ยอมให้เตนล์ไป ตอนไปส่งที่สนามบินเจ้าตัวเล็กที่สูงแค่อกเตนล์ก็ร้องไห้ฮึกๆกอดเตนล์แน่นไม่ยอมปล่อย
“ฮึก…พะ…พี่เตนล์อย่าไป พะ พี่เตนล์อย่าทิ้งโน่”
เด็กชายพูดด้วยเสียงอู้อี้เพราะใบหน้าฝังอยู่ที่กลางลำตัวของคนพี่
“พี่เตนล์ไม่ได้ทิ้งเจโน่นะ พี่เตนล์แค่ไปเรียน แป้ปเดียวเดี๋ยวก็กลับมาหาเจโน่แล้ว…”
ร่างบางพูดปลอบน้องตัวเองพร้อมกับลูบหัวทุยช้าๆอย่างที่ทำประจำเวลาน้องงอแงแม้จะรู้ว่าที่พูดไปนั้นไมได้เป็นความจริงทั้งหมด ก็เรียนป.โทควบป.เอกมันใช้เวลาน้อยเสียที่ไหนกันแต่เตนล์ก็จำใจต้องโกหกน้องไปก่อนเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
“ฮือออ ไม่เอา…พี่เตนล์ไม่อยู่แล้ว ใครจะสอนการบ้านเจโน่ ใครจะกอดเจโน่ ใครจะช่วยไล่ผีให้เจโน่ตอนดึกๆ ฮึก พี่เตนล์ ไม่เอา อย่าไป”
เด็กชายยังคงไม่ยอมเชื่อฟังพี่ชายมือเล็กๆพยายามยึดเสื้อหนาวสีดำของพี่ให้แน่นกว่าเดิมเท่าที่มือน้อยๆจะทำได้ เตนล์เห็นอย่างนั้นก็ได้แต่ถอนหายใจเบาๆ นิ้วเรียวจัดแว่นสายตาของตัวเองให้เข้าที่เหมือนที่ชอบทำตอนเครียดๆ
แล้วตอนนี้เตนล์ก็เครียดมากด้วย
“เจโน่ พี่เตนล์ไม่อยู่คุณพ่อคุณแม่ก็ยังอยู่ คุณพ่อสอนการบ้านเจโน่แทนพี่ได้ คุณแม่กอดเจโน่แทนพี่ได้ เจโน่เรียกคุณพ่อคุณแม่ไปนอนกับเจโน่ตอนดึกๆแทนพี่ได้นะเจโน่รู้ใช่มั้ย”
“ฮึก….ตะ….แต่ว่า…”
“และมันจะดีมากๆเลยถ้าเจโน่ดูแลตัวเองได้ พี่จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงเจโน่ รีบไปไวๆจะได้รีบกลับมาไวๆไง”
“มะ…ไม่ไปเลยไม่ได้เหรอครับ ฮึก”
“เจโน่ครับ….“
ไม่ทันที่จะได้พูดอะไรมากกว่านั้นเสียงประกาศเรียกผู้โดยสารเที่ยวบินที่เตนล์จะขึ้นก็ดังขึ้น พ่อกับแม่จึงรีบเข้ามาช่วยกันแกะเจโน่ออกจากตัวเตนล์อย่างยากลำบาก
“รีบไปเถอะลูก เดี๋ยวจะตกเครื่องจริงๆกันพอดี”
พ่อที่อุ้มเจโน่แนบอกแน่นอยู่บอกเตนล์ พอเตนล์ขยับจะเข้าไปกอดน้องเป็นครั้งสุดท้ายพ่อก็สายหน้าห้ามเบาๆ กลัวเจโน่จะดิ้นหลุดจนมากอดเตนล์ได้อีก เตนล์จึงได้แต่บอกลาน้องเบาๆจากจุดที่ตัวเองยืนอยู่เท่านั้น
“พี่เตนล์ไปแล้วนะเจโน่ แล้วพี่จะรีบกลับ พี่รักเจโน่นะครับ”
เตนล์หันไปมองน้องชายที่ร้องไห้เงียบๆเพราะหมดเสียงจะโวยวายด้วยหัวใจปวดหนึบก่อนจะยิ้มให้ครอบครัวเป็นครั้งสุดท้ายแล้วรีบเดินเข้าเกตไป มือบางขยับแว่นเพื่อปาดน้ำตาตัวเองเร็วๆเมื่อหันหลังให้ครอบครัว เตนล์ไม่อยากให้เจโน่เห็นว่าเขาร้องไห้ไม่งั้นน้องจะยิ่งเสียใจเข้าไปใหญ่
เตนล์อยากให้เจโน่จำแค่ภาพเขาที่มีความสุข
ไม่อยากให้น้องเศร้ามากไปกว่านี้
นี่ก็ปี 2016 แล้วเตนล์รู้ว่ามันออกจะแปลกอยู่สักหน่อยที่พวกเขาสองพี่น้องจะติดต่อกันผ่านอีเมล์ในเมื่อมีแอปพลิชั่นหลายตัวให้เลือกใช้เพื่อย่นระยะทางกว่าครึ่งโลกที่คั่นทั้งสองคนอยู่ ไม่ใช่ว่าทั้งสองคนเป็นพวกโลว์เทคหรืออะไรหรอกแต่มันเป็นความเคยชินมากกว่า เตนล์เดินทางมาเรียนต่อที่อเมริกาตั้งแต่หกปีก่อน ตอนนั้นเด็กป.5 อย่างเจโน่ยังไม่มีสมาร์ทโฟนเป็นของตัวเอง ทางที่จะประหยัดที่สุดในการติดต่อพี่ชายสุดที่รักอย่างเตนล์ก็คือทางอีเมล์ ปีแรกๆมันก็เป็นแค่อีเมล์ฉบับสั้นๆที่ถูกส่งมาแทบทุกวัน แต่ไปๆมาๆอีเมล์เริ่มยาวขึ้นเรื่อยๆจนตอนนี้ความยาวโดยเฉลี่ยของแต่ละฉบับมักไม่ต่ำกว่าสองหน้ากระดาษเอสี่ ไม่รู้ว่าเจโน่มีอะไรเขียนถึงเตนล์นักหนาไม่ซ้ำกันเลย ถึงแม้จะไม่ได้ส่งมาแทบทุกวันเหมือนปีแรกๆแต่อีเมล์ระหว่างสองพี่น้องก็ไม่เคยเว้นระยะไปมากกว่าหนึ่งอาทิตย์ไม่ว่าจะยุ่งกันขนาดไหนก็ตาม เตนล์ไม่รู้ว่าพี่ชายน้องชายบ้านอื่นเขาเป็นยังไงกัน คนส่วนใหญ่ชอบคิดว่าผู้ชายต้องปากหนักๆไม่ค่อยแสดงความรู้สึกแต่เตนล์กับเจโน่ไม่ใช่แบบนั้นพวกเขาสามารถบอกรักกันได้อย่างไม่กระดากปาก(แม้จะแค่ผ่านตัวหนังสือก็เถอะ) เจโน่ยังคงเป็นน้องที่น่ารักสำหรับเตน์เสมอ
อ่า…แถมยังขี้บ่นที่หนึ่งเลยด้วย
ว่าแต่โน่ยังไม่ได้คิดบัญชีพี่เลยนะ ไม่ตอบเมล์โน่ตั้งหกวัน! โน่รู้ว่าพี่ยุ่ง แต่นี่น้องนะ แค่เมล์มาบอกว่าสบายดีมั้ยมันยากนักเหรอครับ แล้วนี่พี่ไม่ได้ลืมกินข้าวกินยาใช่ไหม ห้ามลืมนะ ห้ามทำงานโต้รุ่งอีกแล้วด้วย แค่คิดถึงอยากเจอหน้าพี่ทุกวันก็จะแย่แล้วพี่เตนล์ห้ามดื้อนะ โน่เป็นห่วงพี่ก็รู้นี่ พี่เนี่ยพอเข้าโหมดบ้างานแล้วก็ไม่สนใจอะไรเลย…
คนตัวเล็กได้แต่อมยิ้มเมื่ออ่านไปถึง'ช่วงบ่นเตนล์'ที่ต้องมีมาประจำแทบทุกฉบับ อา…นี่ตกลงเป็นเขาหรือเจโน่ที่เป็นพี่กันแน่เนี่ย
“เด็กน้อยเอ้ย….” เตนล์รำพึงออกมาเบาๆเมื่ออ่านอีเมล์ที่พักหลังนี้ลงท้ายด้วยประโยคเดียวกันซ้ำๆจนจบ
อยากกอดพี่เตนล์ไวๆแล้ว รีบกลับมานะครับ
รัก
เจโน่ของพี่เตนล์
เตนล์เข้าใจเจโน่ เขาไม่ได้กลับเกาหลีเลยเนื่องจากตารางงานและตารางเรียนที่ยุ่งเกินคาด ครั้นจะให้ทั้งครอบครัวบินมาหาเตนล์ที่อเมริกาก็เป็นเรื่องยุ่งยาก หาเวลาว่างตรงกันไม่ได้สักที พวกเขาไม่ได้เจอกันตั้งหกปีความคิดถึงจะทำให้เจโน่ที่เคยติดเขาขนาดนั้นอยากเจอเขาก็ไม่แปลก แต่มันก็อีกไม่นานหรอกที่ภาระการเรียนของเขาจะหมดลง เขาจะได้กลับบ้าน กลับไปเกาหลี ไปหาพ่อแม่ไปหาน้อง…
เตนล์หันไปมองกรอบภาพตั้งโต๊ะที่มีภาพตัวเองกับเจโน่ที่ถ่ายไม่กี่อาทิตย์ก่อนเตนล์จะมาเรียนต่อที่อเมริกา ในภาพทั้งเตนล์และเจโน่ยิ้มให้กล้องจนตาหยีเป็นพระจันทร์คว่ำเป็นเอกลัษณ์ของตระกูลลีเหมือนกันทั้งคู่ นิ้วเรียวแตะเบาๆลงที่ใบหน้ากลมอ่อนเยาว์ของน้องชายตัวเอง
“รออีกไม่นานหรอกนะเจโน่อา….เดี๋ยวพี่ก็ได้กลับไปหาเจโน่แล้วละ”
Incheon International Airport, Incheon, South Korea
“เจโน่…..เจโน่….อยู่ไหนเนี่ย…. อา คนเยอะเป็นบ้าเลยแหะ”
เตนล์พยายามไล่มองกลุ่มคนที่มารอผู้โดยสารขาเข้ากันอยู่เต็มไปหมด ตอนนี้ใกล้เข้าปีใหม่แล้วคนกลับบ้านเยอะกว่าปกติ คนจะเยอะก็ไม่แปลก แต่ปัญหาก็คือเตนล์หาเจโน่น้องชายตัวดีที่บอกว่าจะมารับเขาไม่เจอ ใบหน้าหวานขมวดคิ้วมุ่นไปพยายามชะเงื้อหาน้องชายด้วยความสูงอันจำกัดของตัวเอง นิ้วเรียวดันแว่นที่ใส่อยู่ให้เขยิบไปอยู่บนสันจมูกเพื่อจะเห็นอะไรๆชัดขึ้นเล็งสายตาผ่านเลนส์บางด้วยความตั้งใจ แต่จนแล้วจนรอดเตนล์ก็ยังไม่เห็นคนที่ดูท่าจะเป็นเจโน่ในเหล่ากำแพงมนุษย์ที่ยืนมุงกันอยู่หลังราวกั้นอยู่ดี ดวงตาเฉี่ยวพยายามหรี่มองป้ายชื่อหลากสีหลายรูบแบบตรงหน้าแต่ก็ไม่มีป้ายไหนดูเหมือนว่าจะเป็นชื่อของเขาเลย คนตัวเล็กพยายามอยู่พักนึงจนเริ่มปวดหัวกับคนจำนวนมากที่เดินไปเดินมาจึงตัดสินใจเดินออกมาจากตรงนั้น ใจนึงก็หงุดหงิดที่เจโน่ไม่มาอยู่ในจุดที่หาง่ายๆแต่อีกใจนึงก็อดเป็นห่วงน้องตามประสาพี่ไม่ได้ว่าตอนนี้จะหลงไปอยู่ตรงส่วนไหนของสนามบินที่คนเยอะแยะขนาดนี้รึเปล่า
เตนล์เข็นรถที่บรรจุกระเป๋าใบโตไว้สองสามใบเดินไปตามทางเรื่อยๆตาสอดส่องหาที่เงียบๆนั่งพักก่อนที่จะทำอะไรต่อไป แต่อยู่ๆคนตัวเล็กก็โดนใครก็��ม่รู้ชนจนเซ มือที่กุมรถเข็นอยู่หลวมๆหลุดออก เตนล์รู้สึกว่าต้องล้มแน่ก็หลับตาแน่นรอรับแรงกระแทก
ปึก
“อ๊ะ เอ่อ….ขอโทษครับ!”
เตนล์รู้สึกทันทีว่าเซไปชนคนอื่นเมื่อสัมผัสได้ว่าตัวเองกระเเทกเข้ากับอกแข็งๆของใครบางคนพร้อมกับวงแขนแกร่งที่ยกขึ้นมาเพื่อพยุงคนตัวเล็ก เตนล์เอ่ยปากขอโทษอย่างรวดเร็ว ลืมตาขึ้นหวังจะมองหน้าคนที่รับตัวเองไว้ แต่ปรากฏว่าเขากำลังคุยกับลูกกระเดือกของอีกคนซะอย่างนั้น ร่างบางจึงต้องเงยหน้าขึ้นไปอีกเพื่อมองหน้าคนตรงหน้า
โห….นี่คนหรือยักษ์เนี่ย โคตรสูง
ร่างบางแอบนินทาผู้ชายตรงหน้าในใจ ก่อนจะสดุ้งเฮือกเมื่อคนตัวสูงก้มลงมามองหน้าตัวเอง รู้สึกหน้าเห่อร้อนขึ้นมานิดๆเมื่อได้รับรอยยิ้มที่ดูเหมือนจะติดเอ็นดูจากผู้ชายตรงหน้า ที่เมื่อมองดีๆแล้วนับว่าหล่อใช่ย่อย ใบหน้าคมสมมาตรมีจุดเด่นเป็นจมูกที่โด่งเป็นสันน่าอิจฉาล้อมกรอบด้วยสันคางแกร่งชนิดที่ว่าถ้าเอามือไปปาดอาจมีเลือดซิบติดมือมาได้ แต่ใบหน้านั้นก็ไม่ได้ดูแข็งจนน่ากลัวเพราะนัยน์ตากลมโตชั้นเดียวสีนิลมีแววยิ้มอยู่ในนั้นอย่างคนอารมณ์ดี กลุ่มผมสีดำสนิทดูนุ่มน่าจับกับหน้าม้าซอยที่ปรกลงมาให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติอ่อนเยาว์
ใบหน้าหล่อเหลาดูไร้พิษภัยสอดรับกับหุ่นสูงภูมิฐานของเจ้าตัวโดยเฉพาะอกที่เตนล์ได้พิสูจน์ด้วยใบหน้าของตัวเองแล้วว่า… เอ่อ… แน่น
พูดรวมๆได้ว่าดูดี มาก
ระยะใกล้แค่นี้เมื่อเตนล์พยายามงุดหน้าลงเพื่อหนีสายตาแพรวพราวของคนตรงหน้าคนตัวเล็กจึงโดนริมฝีปากของร่างสูงประทับลงบนหน้าผากเนียนของตัวเองที่อยู่ในระดับเดียวกันพอดี
เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในเวลาไม่กี่วิแต่เตนล์รู้สึกเหมือนนานเป็นชาติ ถ้าไม่ติดว่าแขนทั้งสองข้างโดนรวบไว้ตอนที่ร่างสูงรับน้ำหนักตัวเองคนตัวเล็กคงจะยกมันขึ้นมาปิดหน้าร้อนๆที่ตอนนี้ซุกอยู่ที่อกแน่นๆของผู้ชายตรงหน้าด้วยความอับอายซึ่งดูจะเพิ่มขึ้นหลายเท่าหลังจากโดนจุ๊บหน้าผากโดยบังเอิญไปแล้ว
แค่กลับมาไม่ถึงชั่วโมงก็ทำเรื่องขายหน้าแล้วชิตพลเอ้ย….
ตั้งสติได้เตนล์ก็พยายามขืนตัวออกจากอ้อมกอดแกร่งที่คลายลงเล็กน้อยพอให้คนตัวเล็กยืนได้ด้วยตัวเองแต่ยังไม่ยอมปล่อยไปเลยซะทีเดียว
“คือ…คุณปล่อยผมได้แล้วละครับ ผมโอเคแล้ว” เตนล์เอ่ยปากพูดโดยที่ยังไม่ยอมเงยหน้ามองร่างสูง รู้สึกอายขึ้นมากกว่าเดิมนิดหน่อยเมื่อได้ยินเสียงเสียงหัวเราะหึทุ้มต่ำในลำคอ ก่อนจะต้องเงยหน้าอย่างรวดเร็วเมื่อได้ยินประโยคต่อมา
“มาคุณเคินอะไรกันพี่เตนล์ นี่���จโน่เอง ไม่เจอกันไม่กี่ปีลืมน้องแล้วเหรอ” เสียงทุ้มตอบกลับมา
เตนล์ถึงกับตาโตจ้องน้องตัวเองอย่างไม่อยากเชื่อ คนตัวเล็กรู้ว่าไม่ได้เจอหน้าน้องจริงๆมาหลายปีแต่ก็ไม่คิดว่าน้องจะโตมากจนเขาจำแทบไม่ได้อย่างนี้ เสียงทุ้มของเจโน่ไม่เหมือนกับที่เตนล์ได้ยินผ่านโทรศัพท์หรือสไกป์ที่นานๆจะใช้ที แก้มยุ้ยน่าบีบที่เคยมีตอนเด็กๆก็หายไปแล้ว เหลือแต่ผู้ชายร่างหนาตัวสูงชะลูดที่มีใบหน้าหล่อเหล่าชวนให้สาวๆใจสั่นเท่านั้น
คนน้องยิ้มบางๆ ใช้นิ้วคีบช่วยแว่นที่เกือบหลุดจากสันจมูกรั้นเพราะแรงกระแทกให้เข้าที่เข้าทาง
“แหนะ โน่หล่อขึ้นจนต้องอึ้งเลยละสิ มาๆ เดี๋ยวโน่พากลับไปอึ้งต่อที่บ้าน อ้อ นี่ของขวัญต้อนรับกลับบ้าน” เจโน่ยื่นบูเก้ที่ตัวเองถือเอาไว้ให้เตนล์ ตอนแรกคนตัวเล็กนึกว่ามันเป็นช่อดอกไม้ธรรมดาแต่พอมองดีๆกลับเป็นบูเก้ที่ทำมาจากช็อคโกแล็ตห่อฟอยล์สีทองยี่ห้อดังของโปรดเตนล์ ร่างบางเผลอยิ้มออกมาอย่างถูกใจจนคนน้องที่ยืนมองอยู่อดเอื้อมมือไปหยิกแก้มนิ่มๆของพี่ตัวเองด้วยความหมั่นเขี้ยวไม่ได้
“งื้อ… เอโอ้!” คนตัวเล็กช้อนตาขึ้นมาดุเด็กยักษ์ที่กำลังประทุษร้ายแก้มตัวอยู่ แต่มันไม่ได้น่ากลัวเลยแม้แต่น้อยสำหรับเจโน่ดูเหมือนลูกแมวที่กำลังโกรธมากกว่า
“พี่เตนล์ยังน่ารักเหมือนเดิมเลยยย” เด็กตัวโตยอมปล่อยมือตัวเองออกก่อนจะปรับเข้าโหมดขี้อ้อนที่เตนล์คุ้นเคย เจโน่ดึงตัวเตนล์เข้าไปกอดอีกรอบ คราวนี้เตนล์ไม่ฝืนตัวเองและกอดเจโน่กลับตัวเตนล์แทบจะจมเข้าไปในอ้อมกอดของคนตัวสูงมิดแถมยังโอบตัวน้องแทบไม่รอบแล้วด้วยอีกต่างหาก คนตัวเล็กได้แต่สงสัยในใจว่าตอนเขาไม่อยู่พ่อแม่ขุนเจโน่ยังไงกันให้ตัวโตได้ขนาดนี้
“เจโน่คิดถึงพี่เตนล์มากเลยนะครับ ได้กอดอย่างนี้แล้วชื่นใจจัง” เตนล์สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อน้องชายก้มลงมากระซิบที่หู เสียงทุ้มกับลมหายใจอุ่นๆที่สัมผัสได้ตรงหูทำให้ท้องน้อยเตนล์โหวงเหวงยังไงชอบกล แต่ก่อนจะได้พูดอะไรเจโน่ก็ผละตัวออก ส่งยิ้มพรายพร้อมตารูปพระจันทร์คว่ำเป็นเอกลักษณ์มาให้เตนล์
“ปะ กลับบ้านกันเหอะ” เจโน่พูดยิ้มๆ
“อะ อื้ม ไปกันเถอะ”  เตนล์ยิ้มบางๆกลับให้น้องชาย สบายใจเมื่อเห็นว่าร้อยยิ้มของเจโน่ก็ยังคงเป็นร้อยยิ้มที่เห็นแล้วชวนให้สบายใจเหมือนเดิม
ถึงจะโตแค่ไหน เจโน่…ก็ยังคงเป็นเจโน่ น้องรักของเตนล์เหมือนเดิม
เตนล์เดินไปที่รถเข็นวางช่อช็อคโกแล็ตลงบนกระเป๋าแล้วเตรียมตัวจะเดินต่อแต่ต้องชงักเมื่ออยู่ๆเจโนก็เดินมาโอบเอว มือหนาอีกข้างวางบนราวรถเข็นข้างๆมือบางแล้วก้มหน้าลงมายิ้มให้เตนล์
“เดี๋ยวโน่ช่วยเข็น”
“ไม่ต้อง พี่เข็นเองได้ เรามาช่วยจะยิ่งช้าน่ะสิ” เตนล์หันไปดุเด็กยักษ์ที่ยืนอยู่ข้างๆ ซึ่งแน่นอนว่าไม่ได้สะทกสะท้านอะไรเลยทั้งสิ้น
“น่า…. ปะ ไปกัน” เจโน่พูดพลางออกแรงผลักรถเข็น เตนล์ที่สู้แรงน้องไม่ได้ก็ทำได้แค่เดินเข็นรถตามแรงเจโน่ไปเรื่อยๆ ภายนอกดูเหมือนคนตัวเล็กจะทำปากมุบมิบไม่พอใจเล็กๆอยู่คนเดียวแต่จริงๆแล้วนั่นเป็นการทำท่ากลบเกลื่อนอาการที่ตัวเองก็ไม่เข้าใจ ตำแหน่งที่ยืนอยู่ตอนนี้ทำให้เตนล์ตกอยู่ในอ้อมกอดอุ่นๆของน้องชายตัวเองกลายๆ ยิ่งเจโน่โอบเอวเตนล์แน่นขึ้นกันคนตัวเล็กพยศเท่าไหร่เรียวปากสวยก็ยิ่งเม้มแน่นเหมือนไม่พอใจหนักขึ้นเท่านั้น
ที่ใจเต้นแรงตอนนี้นี่เพราะตื่นเต้นที่ได้กลับบ้านแน่เลย….
ต้องใช่แน่ๆ….
“อา…เหนื่อยจังเลย” เตนล์ทิ้งตัวลงนอนแผ่บนที่นอนในห้องของตัวเอง แขนเรียวขว้าหมอนหนุนใบนุ่มมาซุกอย่างที่ชอบทำ ร่างบางมองไปรอบๆห้องของตัวเองที่ยังเหมือนเดิมแม้จะผ่านไปหลายปีแล้ว ทั้งโต๊ะเรียน ชั้นหนังสือ ตู้เสื้อผ้า ชั้นวางของ….
“พี่เตนล์อาบมาอาบน้ำก่อน อย่าเพิ่งหลับนะ”
เจโน่ที่เดินมาอยู่ตรงประตูห้องขัดจังหวะพี่ชายตัวเล็กที่ดวงตาปรือปรอยทำท่าจะหลับอยู่รอมร่อบนเตียง เตนล์พอได้ยินเสียงน้องก็ค่อยๆแงะตัวเองออกมาจากเตียงกระพริบตาปริบๆไล่ความง่วงสองสามที ลุกเดินไปรับเสื้อนอนกับผ้าขนหนูในมือเจโน่อย่างว่าง่าย
“นี่เสื้อใครอ่ะ” เตนล์ก้มลงมองเสื้อฮู้ดสีเทาหนานุ่มกับกางเกงขา��าวหูรูดที่พับทบกันในมือด้วยความสงสัย
“เสื้อโน่เอง พี่เหนื่อยแล้วค่อยรื้อกระเป๋าพรุ่งนี้เหอะ เนี่ย เอาเสื้อโน่ไปใส่ก่อน ตัวใหญ่หน่อยแต่น่าจะใส่ได้อยู่แหละ” เจโนตอบ เตนล์ก็พยักหน้ารับรู้แบบง่วงๆไป มือหนาจัดการถอดแว่นที่ตกลงมาที่ปลายจมูกคนพี่ให้ เตนล์ลืมตาขึ้นมารู้สึกว่าแว่นโดนถอดออกไป แต่เมื่อเป็นว่าเป็นเจโน่ช่วยเอาไปวางเก็บให้บนโต๊ะก็ไม่ว่าอะไร
“แล้วพ่อกับแม่ไปฮันนีมูนกันที่ไหนนะโน่”
“ยุโรป กว่าจะกลับก็สิ้นเดือนแหนะ เห็นว่าลางานตรงกันได้ทั้งทีเลยต้องฉลองยาว”
“อ่อ…” เตนล์พยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ก่อนจะหันหลังให้เจโน่เดินงัวเงียเข้าห้องน้ำไป ทำให้ร่างบางไม่ได้เห็นรอยยิ้มของน้องชายที่มุมปากกดลึกขึ้น เปลี่ยนจากยิ้มบางๆมาดูมีลับลมคมในอะไรบางอย่างก่อนเจโน่จะหมุนตัวเดินออกจากห้องไป
เมื่อเตนล์เดินออกจากห้องมาก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นเจโน่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียง เจโน่พอรู้สึกตัวว่าเตนล์ออกมาจากห้องน้ำก็หันไปวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะข้างเตียงแล้วลุกขึ้นมากอดเอวพี่อ้อนๆ
“พี่เตนล์โน่นอนด้วยน้า~ ไม่ได้เจอพี่เตนล์ตั้งหลายปีอ่ะ โคตรคิดถึงเลย”
“อืม ได้สิๆ” เตนล์แม้จะรู้สึกแปลกนิดหน่อยที่น้องโตเป็นหนุ่มแล้วยังจะมาขอนอนเตียงเดียวกับเขาที่เป็นพี่ชาย แต่ด้วยนิสัยเป็นคนยังไงก็ได้ทั้งยังติดตามใจน้องแต่เด็กเตนล์จึงตกลงไปอย่างไม่คิดอะไร ทั้งสองนอนคุยกันจนดึกดื่น ไปๆมาๆพอเห็นเตนล์เริ่มหาวหวอดน้องอย่างเจโน่เลยเดินไปปิดไฟห้องแล้วกลับมาล้มตัวนอนบนเตียงข้างๆเตนล์
“ทำไมโน่ไม่เอาหมอนอีกใบมาอ่ะ” เตนล์ที่ตอนนี้สติไม่ค่อยจะมีเนื่องจากง่วงมากฮัมถามน้องชายไปเบาๆเมื่อเห็นว่าน้องชายวางหัวลงบนหมอนใบเดียวกันกับตน ใบหน้าของสองพี่น้องอยู่ในระยะห่างกันแค่ไม่กี่นิ้วในความมืด
“หมอนพี่เตนล์ก็ใบออกใหญ่ โน่ขี้เกียจเอาหมอนอีกใบมาให้อึดอัด” เสียงทุ้มกระซิบตอบพี่ชาย ก่อนจะทำท่าเหมือนนึกอะไรออก “แต่ถ้าพี่เตนล์อึดอัด งั้นเอาอย่างนี้น่าจะสบายกว่า”
“หืม…?” เตนล์ที่ตอนนี้หลับตาลงไปแล้วลืมตาขึ้นมาอีกครั้งเมื่อหัวตัวเองโดนย้ายจากหมอนนุ่มๆมาหนุนอะไรที่อุ่นและแข็งกว่าเดิม แค่นั้นไม่พอเด็กตัวโตยังรวบตัวเตนล์เข้าไปกอดทั้งแขนทั้งขาอย่างกับเตนล์เป็นหมอนข้างซะอย่างนั้น
“อ่ะ ที่นี้หลับได้ละ” พอจัดท่าให้คนตัวนุ่มมาอยู่ในอ้อมแขนตัวเองได้สำเร็จเจโน่ก็ลอบยกยิ้มอย่างพออกพอใจ มือหนาลูบผมนุ่มของพี่เบาๆราวกับจะกล่อมนอน “โอ๋ๆ หลับนะคนดีของเจโน่”
“ย่าห์ ลีเจโน่ นี่พี่นะ” เตนล์บ่นเบาๆก่อนจะมือเรียวตีที่อกแกร่งของน้องชายรู้สึกแปลกๆนิดหน่อยที่ตัวเองโดนเด็กอายุ 17 นอนกอดแบบนี้ แต่เมื่อคิดว่าเจโน่ติดตัวเองมากมาตั้งแต่เด็กแล้วประกอบด้วยความง่วงขั้นแม็กซ์เตนล์เลยไม่ได้คิดอะไรมาก ยอมนอนซุกอกแกร่งน้องชายตัวโตนอนแต่โดยดี
อืม…. อย่างนี้มันก็อุ่นสบายดีเหมือนกันแหะ
“…” ร่างบางที่นอนขดตัวเป็นก้อนกลมใต้ผ้าห่มหนานุ่มเริ่มขยับตัวยุกยิกเมื่อรู้สึกตัวตื่น เตนล์โผล่หน้าออกมาจากผ้าห่มที่ตัวเองซุกอยู่ กระพริบตาเพื่อปรับสายตาให้รับกับแสงแดดอ่อนๆที่ลอดผ่านม่านมา เตนล์ลุกขึ้นนั่งบนเตียงแล้วเอาผ้าห่มมาคลุมตัวกันความหนาวอีกชั้น เตนล์เป็นพวกขี้หนาวแม้จะใส่เสื้อหนาแต่ถ้ามีผ้าห่มหรืออะไรที่ให้ความอุ่นอยู่ใกล้ตัวเตนล์ก็จะพาตัวไปอยู่ใกล้สิ่งนั้นทันที
เจ้าของใบหน้าสวยใสนั่งหาวอยู่บนเตียง มองเห็นแว่นตัวเองวางอยู่บนโต๊ะหนังสืออีกด้านของห้องแต่เช้าๆอย่างนี้ขี้เกียจเกินกว่าจะเดินไปหยิบมาใส่เอง อันที่จริงคือขี้เกียจเกินกว่าจะทำอะไรทั้งนั้น คนตัวเล็กตั้งใจแล้วว่ากลับมาบ้านครั้งนี้จะขอพักยาวสักสองสามเดือนก่อนที่จะต้องไปทำงานตามที่โดนจองตัวไว้ เพราะฉะนั้นจะขอทำตัวว่างๆไปวันๆให้เต็มที่ นั่งตาลอยอยู่คนเดียวสักพักเตนล์ก็เริ่มสัปหงกในท่านั่งอีกรอบแต่พอเคลิ้มได้ที่จะกลับไปหลับอีกก็รู้สึกว่าเตียงยุบลงเหมือนมีใครมานั่งข้างๆ
“อ้าว เจโน่…” เตนล์ยิ้มแบบง่วงๆให้น้องชายที่ลงมานั่งอยู่ข้างๆมองไปที่ตักเจโน่ก็เห็นถาดไม้ที่มีแพนเค้กทอด ผลไม้สด แก้วน้ำส้มและเมเปิ้ลไซรัปถ้วยเล็กวางอยู่ “ทำอาหารเช้ามาให้พี่เหรอ เป็นเด็กดีจังน้า… ว่าแต่กินได้ใช่มั้ยเนี่ย”
เจโน่ไม่พูดอะไรตัดแพนเค้กพอดีคำราดเมเปิ้ลไซรัปแล้วจิ้มแพนเค้กไปจ่อปากเตนล์เป็นเชิงบอกว่าอยากรู้ก็ลองชิมดูเอง คนเป็นพี่ได้เลิกคิ้วล้อเลียนแต่ก็ยอมกินแพนเค้กของน้อง เคี้ยวๆไปเตนล์ก็ตาโต อุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ
“เฮ้ย อร่อยมากอ่ะโน่ ทำอาหารเก่งขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”
“พี่ไม่อยู่ตั้ง 6 ปีมีอะไรเกี่ยวกับโน่ที่พี่ยังไม่รู้อีกเยอะ” ร่างสูงยักคิ้วกวนๆให้พี่ชายตัวเล็ก ยกส้อมหนีเมื่อมือเล็กทำท่าจะคว้าส้อมไปกินเอง “ไม่ต้องอ่ะ โน่รู้พี่กำลังสบายเลยเดี๋ยวโน่ป้อนเอง”
เจโน่ยัดมือเตนล์กลับเข้าไปใต้ผ้าห่มแล้วจัดทรงให้มันกลับไปกลมเป็นก้อนเหมือนเดิม ด้วยความขี้เกียจเตนล์ก็ไม่ได้ว่าอะไร คนหน้าหวานยิ้มตาหยีส่งให้น้องชายคอยงับแพนเค้กที่เจโน่ป้อนสลับกับผลไม้สดที่ส่งมาไม่ขาดปาก คนน้องก็ป้อนอย่างรู้งาน พอเห็นว่าพี่เริ่มฝืดคอก็ประคองแก้วน้ำส้มคั้นให้คนตัวเล็กจิบ สองพี่น้องนั่งคุยกันไปกินแพนเค้กกันไปจนแพนเค้กหมดจานเจโน่จึงเดินไปวางถาดบนโต๊ะหนังสือก่อนเดินกลับมานั่งข้างเตนล์ที่ยังคงนั่งเป็นก้อนนุ่มนิ่มอยู่บนเตียงไม่ยอมขยับไปไหน
“งือ…ขี้เกียจลุกอ่ะโน…” เตนล์เริ่มงอแงใส่น้อง ริมฝีปากสีชมพูบึนออกอย่างขัดใจ ร่างสูงมองพี่ชายยิ้มๆ แขนยาวเอื้อมไปหยิบหมอนกับตุ๊กตามาจัดเป็นกองแล้วอุ้มคนตัวเล็กไปนั่งหนุนกองหมอนกองตุ๊กตาอย่างง่ายดายราวกับเตนล์เบาเท่าตุ๊กยัดนุ่น เตนล์ตกใจที่น้องชายอุ้มตัวเองได้ง่ายขนาดนี้ แต่เมื่อตัวสัมผัสความนุ่มของหมอนคนตัวเล็กก็เลิกคิดมากและกลับไปง่วงอีกรอบ
“งั้นพี่เตนล์ก็นอนไปก่อนแล้วกันนะ นี่ยังเช้าอยู่เลยเดี๋ยวสายๆโน่มาปลุก” เจโน่ที่นั่งขัดสมาธิอยู่ข้างๆเตนล์พูดไปพลางเอื้อมมือไปจัดหน้าม้าแตกๆของพี่ให้เข้าที่เข้าทาง เตนล์ที่กำลังหลับตาเคลิ้มได้ที่ก็พยักหน้ารับ
จุ๊บ
“!”
ดวงตากลมใสเบิกโพลงเมื่อรับรู้ถึงสัมผัสนุ่มหยุ่นเสี้ยววิบนริมฝีปากตัวเอง เมื่อลืมตาไปก็เห็นน้องชายตัวดีนั่งยิ้มตาหยีอยู่ข้างๆ
“ทำอะไรอ่ะโน่!”
“มอร์นิ่งคิส์ไงพี่เตนล์” เจโน่ตอบหน้าตาเฉยเหมือนสิ่งที่เพิ่งทำไปเป็นเรื่องธรรมดา
“แต่โน่ทำงี้ไม่ได้นะ!” เตนล์ทำท่าไม่พอใจ
“ทำไมล่ะ” เจโน่เขยิบเข้ามาใกล้เตนล์มากขึ้น คนตัวเล็กเขยิบตัวหนีน้องอัตโนมัติแต่ก็กลายเป็นว่าเป็นการขังตัวเองอยู่ในกองหมอนซะอย่างนั้น “ตอนเด็กเราก็ทำกันออกบ่อย”
ร่างสูงเคลื่อนตัวมาประชิดเตนล์อย่างรวดเร็ว วงแขนกว้างข้างหนึ่งเท้ากับกำแพงข้างหัวพี่ชายส่วนอีกข้างจับก้อนผ้าห่มไม่ให้ขยับหนีไปไหนได้ เด็กหนุ่มยกยิ้มอย่างใสซื่อ
“เมื่อก่อนเราทำกันทุกวันเลยนี่” ใบหน้าหล่อเหลาเคลื่อนเข้ามาใกล้วงหน้าสวยจนริมฝีปากแทบจรดกัน ดวงตาคมจ้องเข้ามาในนัยน์ตาใสของคนใต้ร่างไม่กระพริบจนเตนล์สัมผัสได้ถึงความจริงจังอย่างประหลาด ริมฝีปากได้รูปเอ่ยกระซิบเสียงต่ำ “โป๊ะๆไงพี่เตนล์”
“ตะ แต่นั่นมันไม่เหมือนกัน พะ พี่น้องที่ไหนเค้าจูบกันตอนโตบ้างเล่า” เตนล์ตอบเสียงสั่น เสียงคนตัวเล็กแผ่วเบาราวกับเสียงกระซิบ กลัวว่าหากพูดหรือขยับมากไปจะได้จูบกับเจโน่เข้าอีก
เจโน่ได้ยินอย่างนั้นก็ทำท่าคิด “เอ…จะมีมั้ยนะ อ้อ ก็เรานี่ไง” เจ้าของเสียงทุ้มใช้จมูกโด่งไล้ตามสันจมูกรั้นๆของคนตัวเล็กปากก็พูดไม่หยุด “การจูบเป็นวิธีแสดงความรักอย่างนึง พี่เตนล์ก็รู้โน่รักพี่เตนล์จะตาย จุ๊บๆแค่นี้ตกใจไปได้”
“ตะแต่….” เตนล์นั่งย่นคอหลับตาปี๋พยายามหนีสัมผัสร้อนผ่าวจากน้องชาย พยายามเอ่ยปากท้วงอย่างไร้ผล
“อีกอย่างนะพี่เตนล์ แตะปากอย่างนั้นเค้าไม่เรียกจูบหรอก จูบจริงๆนะมันต้อง…”
“อื้อ!”
เจโน่กดจูบลงบนริมฝีปากบาง อาศัยจังหวะที่เตนล์ตกใจสอดลิ้นเข้าไปสำรวจในโพรงปากหอมหวานที่ยังคงมีรสเมเปิ้ลไซรัปเจือจางอยู่ของพี่ชาย คนที่กลายเป็นฝ่ายโดนรุกล้ำทำอะไรไม่ถูกเมื่อลิ้นสากของน้องลากไล้มอบสัมผัสวาบหวานมาให้ ยิ่งโดนบดจูบหนักขึ้นร่างกายก็ยิ่งอ่อนระทวยเหมือนกำลังโดนสูบวิญญาณยังไงอย่างงั้น
“…”
เห็นว่าพี่ชายตัวเล็กเริ่มหายใจติดขัดเจโน่ก็ลากลิ้นสากของตนหยอกลิ้นเล็กอย่างอ้อยอิ่งแล้วย้ำจูบลงบนกลีบปากล่างเบาๆเป็นครั้งสุดท้าย ร่างสูงผละตัวออกมาโดยมีคนตัวเล็กเผลอโน้มตัวตามเพื่อประวิงรสจูบให้นานขึ้นอย่างลืมตัว ร่างบางเชิดหน้าหอบน้อยๆกอบโกยลมหายใจที่ถูกจูบของน้องชายฉกฉวยไปกลับเข้าปอด เปลือกตาบางปรือขึ้นมาเจอกับเจโน่เตรียมตัวลุกจากเตียงขยับห่างออกไป
“โน่ไปอาบน้ำก่อนนะ พี่เตนล์หลับต่อก็ได้เดี๋ยวโน่มาปลุก” ร่างสูงพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินออกไปจากห้องทิ้งให้เตนล์นั่งสติหลุดอยู่บนเตียงคนดียว
เกิดมา 27 ปีไม่ใช่ว่าเตนล์ไม่เคยโดนจูบ ผ่านแฟนมาก็หลายคนเรื่องอย่างว่ามันก็มีกันบ้างตามประสา แต่ไม่เคยมีใครทำให้เตนล์สติหลุดได้มากขนาดนี้ จะโทษที่ตัวเองโสดห่างจากเรื่องพวกนี้ไปเป็นปีก็คงจะไม่ใช่ แต่ที่มากกว่านั้นคือเตนล์์กำลังกลัวตัวเองที่เผลอไผลไปกับรสสัมผัสของน้องชายแท้ๆทั้งยังเผลอไล่ตามไปเสียอีก
นิ้วเรียวถูกยกขึ้นมาไล้เกลี่ยริมฝีปากบวมเจ่อของตนความรู้สึกซ่าชาหมือนโดนไฟช็อตเบาๆเมื่อคนตัวโตประกบและเบียดบดจูบลงมายังคงติดตรึงอยู่ที่เดิม
ร่างบางเม้มริมฝีปากราวกับมันจะหยุดให้คิดถึงเรื่องเมื่อครู่ได้
แต่อะไรก็ตามยังไม่น่ากลัวเท่าเสียงที่ดังก้องอยู่ในหัวเขาตอนนี้หรอก
ตึกตึกตึกตึกตึกตึกตึกตึกตึกตึก
อา…หัวใจ…ยังเต้นเร็วไม่หยุดเลย
“เจโน่ มีพัสดุมาส่ง!” เตนล์ส่งเสียงเรียกเจโน่ที่ขลุกอยู่บนห้องตัวเองแต่เช้าหลังจากยิ้มขอบคุณบุรุษไปรณีย์ที่เอากล่องพัสดุมาส่ง
เตนล์กลับบ้านมาได้หลายวันแล้ว สองพี่น้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเกือบตลอด 24 ชั่วโมงเพราะช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอมของโรงเรียนเจโน่พอดี วันนี้เจโน่ทำตัวแปลกๆ ปกติหลังจากตื่นมาด้วยกันลงมากินข้าว (เตนล์จงใจพูดข้ามมอร์นิ่งคิสที่เจโน่ยังขยันส่งมาบ่นปากมุ่ยๆของเตนล์ทุกเช้าไป) เจโน่ก็ต้องหาเรื่องมาวุ่ยวายอยู่ใกล้ๆเตนล์ตลอดวัน มาชวนคุย ชวนเล่นเกมหรือแค่มานอนหนุนตักเตนล์เฉยๆก็เจโน่เอา แต่วันนี้หลังจากจุ๊บตอนเช้าเร็วๆแล้วเจโน่ก็วิ่งเข้าห้องนอนตัวเองที่หลายวันนี้ไม่ได้ใช้หายไปครึ่งค่อนวันได้แล้ว
เตนล์เองไม่ได้ไปยุ่งอะไรเพราะเห็นว่าเด็กวัยรุ่นผู้ชายคงอยากมีเวลาส่วนตัวบ้างเป็นธรรมดา ต้องมาเจอหน้าเขาหลายๆวันติดกันตลอดเวลาคงจะเบื่อบ้างอะไรบ้าง
ร่างบางเดินขึ้นบันไดตรงไปยังห้องนอนของน้องชายที่อยู่ถัดมาจากห้องตัวเอง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“เจโน่ มีพัสดุมาส่ง….”
เตนล์เคาะประตูสองสามครั้งพอเป็นพิธีแล้วเปิดประตูห้องน้องชายเข้าไปเพราะเห็นว่าประตูแง้มอยู่แล้ว แต่คนตัวเล็กกลับช็อคจนพูดอะไรไม่ออกเมื่อเห็นภาพตรงหน้า
เจโน่นั่งผิงหัวเตียงนอนของตัวเองอยู่ด้วยท่าทีผ่อนคลาย วันนี้ร่างสูงใส่เสื้อฮู้ดสีเทาขนาดพอดีตัวทำให้เห็นโคร่งร่างหนาได้ชัดเจน ตัวฮู้ดโดนเด็กหนุ่มดึงขึ้นมาปิดหน้าเผยให้เห็นแค่ครึ่งหน้าล่างของเจโน่เท่านั้น ริมฝีปากอิ่มของร่างสูงเผยอหอบหักเบาๆสาเหตุก็คงมาจากมือข้างขวาที่กำลังชักแก่นกายของตัวเองอยู่อย่างเอื่อยเฉื่อยเหมือนเจ้าตัวกำลังดื่มด่ำกับสัมผัสจากผิวเนื้อ ไม่เร่งรีบที่จะไปถึงจุดปลายทาง ขาข้างหนึ่งยันถูกยันขึ้นกับพื้นเตียงเพื่อควบคุมสะโพกหนาให้สวนกับมือได้ถนัดขึ้นหากเจ้าตัวต้องการ กางเกงวอร์มสีดำโดนถอดออกจนเหลือเกี่ยวอยู่ที่ข้อเท้าแค่ข้างเดียวทำให้เตนล์เห็นทั้งน่องขาแข็งแรงและอะไรต่อมิอะไรไปเสียหมด
แถมเจ้าตัวก็ดูไม่อายอะไรเลยที่จู่ๆพี่ชายตัวเองก็เปิดเข้ามาเจออะไรแบบนี้
บางที…เตนล์ก็เกลียดความคมชัดของแว่นตัวเองเป็นบ้า
“อ้าว พี่เตนล์…อาห์… ของมาส่งเหรอ วางไว้บนโต๊ะโน่เลยก็ได้” ร่างสูงตอบรับเตนล์ด้วยเสียงทุ้มแตกพร่าไปด้วยอารมณ์เพราะแม้ปากจะพูดกับพี่แต่มือใหญ่ก็ยังคงทำหน้าที่ของมันต่อไปช้าๆ ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดหรือปกปิดอวัยวะส่วนตัวเลยแม้แต่น้อย
ฉ่า…
“อะ อืม.. งะ งั้นพี่วางไว้ตรงนี้นะ” เตนล์รีบสบัดหน้าหนีน้อง ร่างบางเดินไปวางกล่องพัสดุขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่บนโต๊ะเรียนของน้องชาย ร่างบางขยับแว่นกรอบดำที่ใส่ประจำด้วยความประหม่า จู่ๆก็รู้สึกว่าประสาทสัมผัสทั้งห้าทำงานดีขึ้นเสียอย่างนั้น ได้ยินเสียงหอบของต่ำพร่าดังชัดเจนราวกับริมฝีปากของเจโน่อยู่ข้างใบหู กลิ่นหอมแบบผู้ชายจากร่างสูงอบอวลทั่วห้องชวนให้ใจสั่น มือบางสั่นเล็กๆเมื่อรู้สึกว่าทั้งตัวทั้งหน้าของตัวเองเริ่มเห่อร้อนทั่วไปหมด
“เอ่อ…พี่… พี่ไปก่อนนะ”
“อืมมม” ไม่รู้ว่าน้องตอบตัวเองรึเปล่าแต่เตนล์ถือว่าเสียงครางในลำคอของเจโน่คือสัญญาณว่าเจ้าตัวรับรู้แล้ว ก่อนออกจากห้องสายตาเจ้ากรรมก็ไม่วายหันไปมองน้องชายที่กำลังปรนเปรอตัวเองอยู่อีกรอบ ขณะนี้เจโน่ไม่ได้สนใจเตนล์เลยแม้แต่น้อย มือที่ช่วยตัวเองอยู่เร่งจังหวะข้อมือเล็กน้อยเทียบกับช่วงก่อนหน้า แก่นความเป็นชายของร่างสูงที่ชูชันตามอารมณ์เริ่มถูกฉโลมไปด้วยของเหลวสีขุ่น
เผลอจ้องไปเสียหลายวิก่อนจะรู้ตัวว่ากำลังเสียมารยาทจึงรีบออกจากห้องน้��งพร้อมกับปิดประตูตามหลังตัวเองเสียงดังปัง
ตึกตึกตึกตึกตึกตึกตึกตึกตึกตึกตึกตึกตึกตึกตึกตึกตึกตึกตึกตึกตึกตึก
เปลือกตาขาวหลับพริ้มลงเมื่อสัมผัสได้ว่าตัวใจตัวเองเต้นรัวแรง ร่างบางทิ้งตัวพิงกำแพงบ้านทรุดลงไปนั่งที่พื้นด้วยแข้งขาอ่อนแรง มือเล็กถอดแว่นที่สวมอยู่ออกประคองใบหน้าที่ร้อนจนจวนจะระเบิดของตัวเอง ขยี้ตาแรงๆราวกับมันจะช่วยลบความทรงจำเมื่อกี้ได้
“มันเป็นเรื่องธรรมดาชิตพล เรื่องธรรมดา…วัยรุ่นฮอร์โมนพลุ่งพล่านก็งี้แหละ น้องมันก็ผู้ชายด้วยกันจะอายทำไม”
ถึงพร่ำบอกตัวเองอย่างนั้น แต่เตนล์เลิกนึกถึงภาพเจโน่ที่กำลังกล่อมเจโน่น้อยไม่ได้เลย ยิ่งอยากลืมภาพก็ยิ่งชัดขึ้นเรื่อยๆเหมือนสมองเล่นตลกกับคนตัวเล็ก สุดท้ายเตนล์ก็ยอมแพ้วางแว่นไว้ที่พื้นแล้วซบวงหน้าใสลงกับฝ่ามือตัวเอง
“ฮือ…เจโน่น้อย น้อยตรงไหน… เฮ้ย! บ้า บ้า บ้า บ้า ไปแล้วชิตพล นั่นมันน้อง น้องท่องไว้ว่าน้อง”
คนตัวเล็กอยากจะร้องไห้ให้กับความคิดในหัวตัวเองตอนนี้ ตอนอยู่ในห้องเมื่อกี้เตนล์ถึงกับลืมตัวไปขณะหนึ่งว่าผู้ชายตัวโตที่นั่งแผ่อยู่บนเตียงเมื่อกี้คือคนคนเดียวกับเด็กน้อยที่เขาอุ้มร้องเพลงกล่อมเข้านอนเมื่อหลายปีที่แล้ว ลืมตัวไปว่าไม่ควรหวั่นไหว
เตนล์หลวมตัวคิดไม่ซื่อกับน้องตัวเองไปซะแล้ว
หลังจากนั้นเจโน่ก็ยังคงทำตัวเรื่อยเปื่อยเข้ามาอ้อนเตนล์เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตอนกลางคืนก็ยังมาขอนอนห้องเตนล์เหมือนเดิม พอเช้าก็มีมอร์นิ่งคิสให้ทุกวันจนเตนล์ที่ตอนแรกขัดขืนบ้าง ไม่ยอมบ้างกลายเป็นชิน ไปๆมาๆกู๊ดไนท์คิสที่งอกออกมาจากไหนไม่รู้ก็กลายเป็นกิจวัตรประจำวันไปด้วย
วันนี้ก็เหมือนกัน
เจโน่เดินกลับมาที่เตียงหลังจากเดินไปปิดไฟในห้อง บนเตียงเตนล์ยังคงมีหมอนเพียงใบเดียวแม้จะมีคนนอนสองคน ร่างสูงสวมกอดเตนล์จากข้างหลังเหมือนที่เคยทำประจำ ใบหน้าหวานเอี้ยวมารับจุมพิตจากน้องชายตัวโตด้วยความเคยชินแล้วกลับไปซุกหมอนนอนสบายใจเหมือนเดิม
เตนล์นอนตะแคงโดยมีเจโน่นอนกอดอยู่ด้านบนอีกชั้น แม้จะนอนคนเดียวมาหลายปีแต่การมีเจโน่เพิ่มมาก็ไม่ได้ทำให้เตนล์อึดอัดอะไร แถมยังรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยที่มีร่างหนานอนทาบทับอยู่ทุกวันเหมือนเป็นเกราะคุ้มภัยอีกชั้นระหว่างตัวเองกับโลกทั้งใบอีกด้วย เสียงหัวใจสม่ำเสมอของเจโน่เป็นเหมือนเพลงกล่อมชั้นดีที่ช่วยให้เตนล์นอนหลับสนิท
ร่างบางกำลังเคลิ้มหลับเมื่อรู้สึกถึงมือหนาที่เคลื่อนมาวางบนท้องของตนเอง เตนล์คิดว่าน้องคงจะละเมอกอดเขาอีกเลยไม่ได้ขัดขืนอะไร เจโน่เป็นเด็กนอนละเมอมาแต่ไหนแต่ไร เมื่อตอนเด็กๆเขาไปนอนเป็นเพื่อนน้องที่ไรพอตื่นเช้ามาเจโน่ก็จะมานอนก่ายที่อกทุกทีแม้ว่าคืนนั้นเตนล์จะเอาตุ๊กตาให้น้องกอดก่อนนอนไปแล้วก็ตาม
“อืม…” เจโน่ครางในลำคอเหมือนไม่สบายตัวอะไรบางอย่าง จู่ๆจมูกโด่งเป็นสันของน้องก็เข้ามาคลอเคลียที่หลังซอกขอขาวของคนเป็นพี่ ริมฝีปากได้รูปไล่เม้มผิวเนียนเบาๆจนเป็นเสียง จุ๊บ จุ๊บ จุ๊บ ปลายนิ้วสากที่เกิดจากการเล่นกีตาร์เป็นประจำเริ่มลูบไล้ผิวกายเนียนแน่นหลังจากเลิกเสื้อยืดตัวบางขึ้นพ้นทาง ขาแกร่งแยกกว้างขึ้นเพื่อขยับให้ร่างเล็กเข้ามาอยู่ในอาณัติมากขึ้น
“อื้อ….เจโน่…” เตนล์เริ่มประท้วงเมื่อมือหนาของน้องซุกซนมาเฉียดยอดอกของตัวเอง ร่างบางเริ่มดิ้มขลุกขลักหมายจะหนีให้พ้นการลวนลามของมือหนา ก่อนจะพบว่าตัวเองไม่สามารถขยับไปไหนได้
“เจ…..”
“ชูวววว” เจโน่กระซิบเบาๆข้างใบหูนิ่ม ลมร้อนที่ออกมาพร้อมเสียงทุ้มต่ำทำให้ขนอ่อนที่หลังคอเตนล์ลุกซู่ “ตัวพี่เตนล์หอมจัง” จุ๊บ “นุ่มด้วย”
ราวกับต้องการที่จะย้ำประโยคที่พูดไป เจโน่ลงมือนวดเฟ้นอกบาง นิ้วสากหยอกยอดอกชูชันเล่นเป็นระยะ มืออีกข้างเคลื่อนไปจับศีรษะทุยเอียงเปิดทางให้ตัวเองสามารถละเลียดชิมซอกคอขาวได้สะดวกยิ่งขึ้น
“อื้อ!” คนตัวเล็กพยายามทำใจแข็ง บอกตัวเองว่าจะเล่นไปกับน้องไม่ได้ นี่ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง พวกเขาเป็นพี่น้องกันแท้ๆไม่ควรทำอย่างนี้ อยากจะพูดสิ่งที่สมองคิดใจจะขาดแต่ก็ไม่สามารถทำได้ เตนล์เป็นพวกไวต่อสัมผัส โดยเฉพาะที่คอใครมาแตะนิดแตะหน่อยก็หน้าแดงแล้ว มาโดนไล่งับไล่จูบอย่างนี้เตนล์ยิ่งทนแทบไม่ไหว เปลือกตาขาวปิดแน่นสนิทพอๆกับริมฝีปากบางที่โดนกัดจนช้ำ ไม่อยากจะส่งเสียงครางน่าอายออกไป
ถ้าแค่นี้ยังพอไหว ถ้าเจโน่ไม่เจอ…
“อ๊าาา!” เตนล์ได้แต่ครางฮือตัวอ่อนยวบเมื่อจุดอ่อนโดนเจโน่ค้นพบ ซอกคอตรงหลังติ่งหูเป็นโซนอ่อนไหวของคนตัวเล็ก ถ้าโดนจู่โจมก็เหมือนโดนวางยารู้สึกดีจนอ่อนเปลี้ยไปทั้งตัว
“หึ ตรงนี้เองสินะ” เจโน่ยิ้มให้กับตัวเอง กัดเม้มผิวตรงนั้นของพี่ชายจนเป็นรอยช้ำ ยิ่งได้ฟังเสียงครางหวานๆยิ่งมีอารมณ์มากขึ้น ร่างสูงละซอกคอขาวมาไล้เม้มจูบประทับรอยบนไหล่เนียนที่โผล่พ้นคอเสื้อยืดย้วยๆแทน มือหนาก็ละอกบางที่กระเพื่อมขึ้นลงเป็นจังหวะสั้นกระชับอย่างน่าสงสารลากผ่านลำตัวเนียนนุ่มไปล็อคต้นขาเล็กก่อนะจะเริ่มขยับสะโพกสอบเป็นวงกลมบดความเป็นชายที่กำลังแข็งขืนของตัวเองเข้ากับซอกเนื้อแน่นหนันของร่างบาง
“เนี่ย…พี่เตนล์ โน่โคตรคิดถึงพี่เตนล์เลยรู้มั้ย โน่ดูรูปผ่านไอจีพี่เตนล์ทีไรก็ยิ่งคิดถึง ที่โน่เขียนไปอ่ะโน่ไม่ได้พูดเล่นนะ…” เจโน่กระซิบเสียงพร่า
แม้ทั้งสองคนจะยังใส่บ็อกเซอร์อยู่แต่เนื้อผ้าบางๆสองชั้นมีก็เหมือนไม่มี ท้องน้อยเตนล์เสียววาบทุกครั้งที่ร่างสูงลากแก่นกายผ่านเข้ามาทั้งๆที่ยังไม่ได้โดนรุกล้ำแต่อย่างใด มือเรียวขยำผ้าปูเตียงเป็นจังหวะเดียวกับการช้อนเอวหนา ไอร้อนจากตัวเจโน่ที่แนบทับลงมาตลอดตัวทำให้ร่างบางแทบจะละลายลงติดที่นอน
“โน่คิดถึงพี่เตนล์” เสียงกระซิบดังขึ้นข้างใบหู
“โน่อยากกอดพี่เตนล” มือหนาด้านล่างเริ่มนวดต้นขาเล็ก เฟ้นไปใกล้ความร้อนขนาดพอดีมือแต่ยังไม่ยอมแตะที่ตรงนั้น
“โน่รักพี่เตนล์นะ โน่อยากได้พี่เตนล์จนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว” ร่างสูงหยุดการเคลื่อนไหวทั้งหมดแนบแก่นกายตัวเองเข้ากับก้นงอนให้พี่ชายได้สัมผัสว่าเขา’ต้องการ’มากขนาดไหน
ฟึบ
เจโน่จับคนในอ้อมแขนพลิกหงายตัว แสงจันทร์ที่ส่องเข้ามาในห้องทำให้สามารถมองเห็นอีกฝ่ายได้ลางๆ ดวงหน้าสวยข้างใต้ตอนนี้เห่อแดงไปหมด น้ำใสๆไหลลงจากดวงตากลมโตหวานเยิ้มไปด้วยอารมณ์ที่ผสมปนเปอยู่ในอก ทั้งเขิน ทั้งรู้สึกผิด แต่ก็รู้สึกดีอย่างที่ไม่เคยมาก่อนในชีวิต
เพราะสิ่งต้องห้ามมันหอมหวานเสมอ
“คนดีของโน่ ไม่ร้องนะครับ” ร่างสูงเอ่ยเสียงนุ่ม ใช้มือหนาเกลี่ยน้ำตาให้พี่ชายแล้วเลื่อนลงไปใช้นิ้วชี้ตีเบาๆบนริมฝีปากรูปกระจับที่ตอนนี้บวมเฉ่งเพราะโดนฟันเล็กขบกัดอยู่นานสองนาน “ปากนี่ก็เหมือนกัน บวมหมดแล้ว พี่เตนล์ห้ามกัด…”
เจโน่ก้มลงไปไล่ลิ้นปลอบโยนกลีบปากสีสด ขบริมฝีปากล่าเบาๆด้วยความหมั่นเขี้ยว “เพราะโน่กัดได้คนเดียว”
เตนล์ไม่หลบตาเจโน่แล้วเพราะรู้ว่าจะหนียังไงก็คงหนีตัวเองไม่ได้และไม่มีประโยชน์อะไร สู้อาศัยช่วงที่เจโน่ไม่กวนเขาให้ไร้สติคุยกันให้รู้เรื่องไปเลยดีกว่า
“โน่ทำแบบนี้ทำไม”
“ก็โน่บอกไปแล้วว่าโน่รักพี่เตนล์”
“ตะ…”
“โน่แค่อยากให้พี่เตนล์ยอมรับสักทีว่าพี่เตนล์เป็นของโน่”
“พี่ไม่ได้เป็นของใครทั้งนั้น!”
“ไม่จริง!” ร่างสูงเอ่ยขัดขึ้นมา เตนล์ชะงักมองเสี้ยวหน้าคมที่โดนแสงจันทร์ทาบจนเกิดเป็นเงาดูเคร่งขรึมเกินอายุ ดวงตาใสสั่นระริกเมื่อมือหนาข้างที่ไม่ได้ล้อมเป็นปราการรอบตัวลูบไล้ตามวงหน้าของตน เสียงทุ้มต่ำเอ่ยช้าๆเพื่อให้คำพูดทุกคำประทับอยู่ในใจคนที่ตัวเองเรียกว่า’พี่ชาย’มาตลอด
“พี่เป็นของโน่ตั้งแต่โน่เกิดแล้ว”
“!”
“โน่จำได้… คนที่คอยดูแลโน่มาตั้งแต่เด็กๆก็คือพี่เตนล์ ตอนพ่อแม่ไม่อยู่พี่เตนล์ก็คอยดูแลโน่ ตอนพ่อแม่อยู่ก็ยังเป็นพี่เตนล์ที่ดูแลโน่ โน่ยังจำวันที่พี่ต้องพลาดสอบพลาดอะไรตั้งหลายอย่างเพื่อมาดูแล มาอยู่เป็นเพื่อนโน่แต่พี่เตนล์ไม่เคยบ่นเลย โน่สำคัญกับพี่เตนล์ที่สุดเสมอ” ร่างสูงจ้องคนใต้อาณัติที่ถึงแม้จะกำลังอึ้งแต่ดวงตานั้นก็เป็นเครื่องยืนยันว่าสิ่งที่เจโน่พูดมาทั้งหมดเป็นเรื่องจริง
“พี่เตนล์อยู่เพื่อโน่มาเป็นสิบปีจนพี่ไปเรียนเมืองนอก โน่ปล่อยพี่ให้เป็นอิสระมานานมากแล้ว มันถึงเวลาแล้วที่โน่จะต้องเอาคนของโน่คืน”
“โน่…” ร่างบางครางชื่อน้องชายออกมาเมื่อได้ยินคำแสดงความเป็นเจ้าข้าวเข้าของตนเอง
พี่ชายที่ไหนเขาเกิดอารมณ์ตอนน้องชายพูดอย่างนั้นกัน
ใบหน้าหล่อเหลาลดความจริงจังลง เสียงทุ้มกลับมาอยู่ในโหมดออดอ้อนอีกครั้ง “พี่เตนล์ดูแลโน่มานานแล้ว ตอนนี้โน่โตแล้วให้โน่ดูแลพี่เตนล์ไม่ได้เหรอ” จมูกโด่งไล้กรอบหน้าเนียนย้ำจูบซ้ำๆไปทั่ว “นะครับ”
“อื้อ…”
เจโน่เผยยิ้มเจ้าเล่ห์เมื่อเจ้าของวงหน้าสวยพยักรับคำขอร้องของเขา ร่างสูงมอบจุมพิตดูดดื่มให้กับคนดีที่ยอมเข้าใจตรงกันสักที มือใหญ่แกะมือเล็กที่ขยำผ้าปูเตียงออก พาไปประสานกันแน่นเหนือร่างขาวอมชมพู
ทั้งขนาดมือและร่างของเจโน่โอบรอบตัวเตนล์ได้เกือบมิด ทุกการสัมผัสตั้งใจกระทำเพื่อแสดงว่าเขาไม่ใช่เด็กน้อยไร้เดียงสาอีกแล้ว สามารถเดินเคียงข้าง ดูแล ปกป้องพี่ชายที่ัรักได้
ถ้าสิ่งที่ทำอยู่มันผิดก็ให้โดนเปลวไฟมอดไหม้ไปพร้อมๆกันนี่แหละ
“ต่อจากนี้โน่จะดูแลพี่เตนล์เองนะ ส่วนตอนนี้ขอโน่’กอด’ให้หายคิดถึงก่อนแล้วกัน” วัยรุ่นใจร้อนเร่งทำตามคำพูดตัวเอง เริ่มด้วยการถอดเสื้อนอนที่แสนจะเกะกะเขวี้ยงไปให้พ้นตัวเผยให้เห็นลำตัวแกร่งกับหน้าท้องเป็นคลื่นน่ากัด
ร่างบางอดทำตาโตไม่ได้ ไม่นึกว่าเด็กม.ปลายจะหุ่นดีได้ขนาดนี้ ผิดกับตัวเองจะปลายยี่สิบแล้วแต่ยังไม่เห็นมีกล้ามเนื้อกับใครเขาทั้งๆที่ก็หมั่นออกกำลังกายประจำตามเวลาอำนวย เขาจะมีก็แต่พุงนิ่มๆที่น่าจะเป็นผลมาจากการกินเค้กมากเกินไป
“ไม่ต้องเครียดหรอกพี่เตนล์เป็นอย่างนี้ก็น่ารักดีอยู่แล้ว” แค่เห็นสายตาก็รู้ว่าคนตัวเล็กคิดอะไรอยู่ เจโน่ดึงเสื้อยืดตัวบางให้หลุดออกจากเตนล์แล้วเคลื่อนตัวลงมาขบพุงกะทิน้อยๆของพี่ชาย
“คิก เจโน่ อย่า…มันจั๊กจี้ อ๊ะ อ๊ะ อื้อออ”
จากที่ขบเม้มด้วยความหมั่นเขี้ยวลิ้นสากก็เริ่มทำงานจ้วงหยอกสะดือคนตัวเล็กลงมาเรื่อยๆเรื่อยๆจนถึงบ็อกเซอร์ที่โพงป่อง เจโน่ไม่รอช้าไล่เล็มความร้อนผ่านผิวผ้าจนเปียกแฉะไปหมด
“ฮืออ พอแล้ว เจโน่ พี่…อื้อ” เสียงครางหวานประท้วงไม่ให้ร่างสูงละเล็มแก่นกายตัวเองต่อเพราะรู้ตัวว่าใกล้ถึงฝั่งฝัน แต่ก็ใช่ว่าจะห้ามเด็กยักษ์ด้านบนได้ เจโน่หยุดเพื่อดึงบ็อกเซอร์ของเตนล์ออก หันไปหยิบถุงยางซองสีแดงกับขวดเจลหล่อลื่นมาจากโต๊ะหัวเตียง ไม่พูดให้มากความกลับมาไล่เลียความร้อนที่กำลังตื่นตัวต่อ มือใหญ่ข้างหนึ่งจับขาขาวแยกออกพร้อมออกแรงกดไม่ให้สะโพกบางเขยิบหนีได้ ตาเหลือบไปมองมือที่เปิดเจลหล่อลื่นราดนิ้วไว้ถูนิ้วเข้าด้วยกันสักพักเมื่อรู้สึกว่าเจลอุ่นขึ้นก็พานิ้วเรียวของตัวเองสอดเข้าไปหยอกช่องทางสีสวยทันที
อกบางที่เดิมกระเพื่อมเร็วถึงกับสะดุดเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสเปียกชื้นบางเบาที่ช่องทางลับ ร่างสูงไม่ได้รีบสอดนิ้วเข้าไปแต่ค่อยๆถูปลายนิ้วสากกับทางเข้าไปมา สะกิดทีละน้อยจนทางเข้าที่ขมิบเกร็งตอนแรกเริ่มคุ้นชิน ผ่อนแรงให้สอดใส่เรียวนิ้วเข้าไปได้ พอเข้าไปได้สุดนิ้วกลางร่างสูงก็ทำเหมือนเดิมจนนิ้วเข้าไปได้สองนิ้วปากก็ไม่ได้หยุดทำงาน เสียงเฉอะแฉะฟังดูลามกดังไปทั้งห้องสอดกับเสียงครางหวานหูจากปากเตนล์
“เจ่โน่ เจ…โน่ อ๊า….” โดนปรนเปรอทั้งด้านหน้าด้านหลังจนทนไม่ไหวในที่สุดร่างบางก็ปลดปล่อยน้ำสีขุ่นออกมาเต็มปากน้อง เจโน่ถอนปากออกจากแท่งเนื้อขนาดพอดีมือของเตนล์เสียงดังป๊อป ลูกกระเดือกขยับเมื่อเด็กหนุ่มกลืนน้ำกามลงท้องไป ลิ้นสากกวาดคราบที่ยังติดอยู่ที่ริมฝีปาก ยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วเอาของเหลวพวกนั้นป้อนกลับไปให้เจ้าของผ่านรอยจูบ
“อื้ออ อืมมม” เสียงครางที่ไม่รู้ว่าเป็นของใครดังขึ้นพร้อมๆกับการแลกลิ้นเนิบนาบที่ร่างสูงเป็นคนคุมเกม  คนตัวเล็กตอนนี้กำลังสบายตัวเต็มที่หลับตาพริ้มยอมเป็นผู้ตามรับของเหลวรสชาติปะแล่มเข้าปากแต่โดยดี แขนเล็กกวาดขึ้นกอดคอคนด้านบน ผวาตัวขึ้นแนบลำตัวแกร่งเมื่อนิ้วที่ยังคงไม่หยุดทำงานแตะโดนปุ่มกระสันแผ่วเบา
“อื้อออ เอ….โอ้….”
เจโน่ถอนจูบก้มลงมองใบหน้าที่ขึ้นสีสวยของพี่ชาย ริมฝีปากเป็นกระจับทั้งบวมทั้งแฉะจากการแลกลิ้นเมื่อครู่ แก้มใสขึ้นสีชมพูเข้มอย่างน่ารัก แพขนตาชุ่มน้ำกระพริบถี่รัวพยายามปรับสายตาให้ชินกับการจ้อตาระยะใกล้
จุ๊บ
“อื้อ” เจโน่ฉกจูบจากริมฝีปากสีเชอร์รี่บวมฉ่ำอีกครั้งเพราะทนไม่ไหวกับภาพยั่วยวนตรงหน้า
“พี่แม่ง….น่ากิน น่ากินไปทั้งตัว” ร่างสูงพึมพำกับตัวเอง สายตากระหายเละโลมไปทั่วร่างนวลเนียน
“น่ากินก็กินสิ ใครห้ามละ” เ��ียงหวานแหบน้อยๆเพราะร้องครางมานานกระซิบเข้าที่ใบหูเจโน่
“หืม?” เจโน่ตกใจน้อยๆ เงยหน้าขึ้นมาจ้องตาคนตัวเล็กที่ยิ้มบางๆทำท่าเหมือนจะหลับแต่สายตามีแววซุกซน
“ร้ายนะเราเนี่ย” ฟันคมงับปลายจมูกรั้นเบาๆโทษฐานที่ตัวขี้ยั่วไม่ดูสภาพตัวเองที่ปวกเปียกแทบไม่มีแรงทำอะไรแล้ว คนตัวเล็กก็หัวเราะคิกคักไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรจนเจโน่หันไปทำรอยบนซอกคอและแผงอกบางเพิ่มนั่นแหละถึงยอมกลับไปส่งเสียงครางอือ อา รื่นหูเบาๆต่อ
จ๊วบ
“อ๊า เจโน่”
ร่างสูงหันมาดูดยอดอกสีสวยสลับกันสองข้างใช้ทั้งลิ้นทั้งฟันจนมันเริ่มบวมเจ่อเหมือนริมฝีปากเจ้าของ นอกจากจะทำให้ร่างบางบิดเร้าครางแทบไม่เป็นภาษาแล้วยังทำให้แก่นกาย��ีชมพูน่าเอ็นดูเริ่มตื่นตัวอีกครั้งอีกด้วย
“จริงๆโน่ก็อยากกินพี่เตนล์ไวๆ…” เจโน่ละริมฝีปากมากระซิบข้างหูพี่ชาย แขนยาวดึงหมอนหนุนมารองสะโพกบางที่ตัวเองยกลอยอยู่ “แต่พอดีเจโน่น้อยมันไม่ได้'น้อย’สมชื่อสักเท่าไหร่” รองเสร็จก็ปล่อยตัวเองทาบทับกับร่างบางข้างข้างแล้วขยับเสียดสีช้าๆ มือใหญ่ดึงบ็อกเซอร์ด้านหน้าลงจงใจให้ร่างเล็กได้สัมผัสกับแท่งเนื้อขนาด‘ไม่น้อย’ของตัวเอง
“ออเดิร์ฟก็เลยต้องนานหน่อย”
“ฮือออ เจโน่… อย่าแกล้ง…. พี่ อื้อ….”
เตนล์ครางอย่างน่าสงสาร ลมร้อนๆที่กระทบหูทุกครั้งเวลาเสียงแหบพร่าพร่ำพูดใส่หู ลิ้นสากที่วนงับขบกัดที่ติ่งหูกับซอกคอ ยอดอกบวมเป่งของตัวเองที่เสียดสีหัวนมแข็งๆของคนบนร่างเป็นครั้งคราว ทำให้ร่างบางเหมือนกำลังจะละลาย
แต่ทั้งหมดที่ว่ามาก็ยังไม่เท่าท่อนเนื้อร้อนต่างขนาดที่เสียดสีกันอยู่ด้านล่างกับนิ้วเรียวของน้องชายที่ควงสอดเข้าออกช่องทางสีสวยอยู่อย่างสม่ำเสมอ เวลาปลายนิ้วสากเฉียดผ่านจุดนั้นทีไรร่างเนียนก็จะกระตุกอย่างห้ามไม่อยู่
“ฮือออออ” เตนล์เริ่มร้องไห้ออกมาจริงจัง ทนไม่ไหวแล้วกับสัมผัสทุกอย่างจากน้องชาย ผิวขาวๆของคนตัวเล็กกลายเป็นสีชมพูเรื่อไปทั้งตัว ยิ่งถูกสัมผัสยิ่งอ่อนไหว โดยเฉพาะแก่นกายเล็กที่ปลดปลื่อยไปแล้วครั้งหนึ่งแค่โดนแตะเบาๆเสียวซ่านจนทนไม่ไหว
ความสุขที่ได้รับมากจนกลายเป็นความทรมาณ
“ไม่ไหว… แล้ว… ฮึก พี่จะขาดใจตายจริงๆแล้วด้วย ฮึก โน่ใจร้าย โน่จะฆ่าพี่ใช่มั้ย ฮืออออ” เตนล์ครวญครางน้ำตานองหน้า จมูกรั้นกลายเป็นสีชมพูจากการร้องไห้ มือเล็กยกขึ้นทุบหลังเเกร่งเบาๆทั้งๆที่ร่างก็ยังขยับไปตามการชักนำของร่างหนาไม่หยุด
เจโน่ผละมองคนในอ้อมแขนก็รู้ว่าตอนนี้หงุดหงิดมากแต่ไม่มีแรงทำอะไรได้ ภาพลูกหนูตัวชมพูที่ทั้งเซ็กซี่ทั้งน่าหมั่นเขี้ยวทำเอาในใจร่างสูงปั่นป่วนไปหมด ใช่ว่าเขาอยากจะแกล้งคนตรงหน้ามากเสียเมื่อไหร่ อยากจะสอดใส่ความเป็นชายของตัวเองเข้าในช่องทางนุ่มที่ตอดรัดนิ้วเขาอยู่ใจจะขาด แต่ก็ไม่อยากจะทำร้ายคนตรงหน้าให้มีประสบการณ์ไม่ดีเกี่ยวกับครั้งแรกของเรา
ก็เจโน่น้อยของเขามันไม่น้อยจริงๆนี่น่า
ถามว่าขนาดไหน? ก็ขนาดที่กำลังดั้งโด่เต็มที่ตอนนี้มือเล็กๆของร่างบางกำแทบไม่รอบแล้วกัน
เจโน่ยอมฟังเสียงพี่ชายบ่นปนสะอื้นฮึกๆสลับกับแรงทุบเบาๆเท่ามดกัดอยู่สักพัก พอรู้สึกว่าสามารถขยับนิ้วเข้าออกช่องทางนุ่มได้สี่นิ้วอย่างไม่ลำบากเจโน่ก็ผละออก ฉีกซองถุงยางด้วยฟันคมสวมลงบนแท่งเนื้อร้อนของตัวเองอย่างรวดเร็ว มือหนายกขาเรียวของพี่พาดบ่า จ่อส่วนหัวเข้ากับช่องทางนิ่มเกลี่ยไปมาแต่ยังไม่สอดเข้าไปแม้ตัวเองจะทรมาณแทบตายแล้วเหมือนกัน
“โน่จะเข้าไปแล้วนา…” ใบหน้าหล่อยิ้มยั่วคนใต้ร่างที่ทำตาเขียวปัดใส่
เพี๊ยะ!
“เข้ามาเร็วๆเลยเด็กบ้า ถ้ายังแกล้งกันอีกพี่จะไปหาผัวใหม่จริงๆด้วย!” มือเรียวตีน้องเข้าที่สีข้างแล้วบ่นแบบหอบๆ
ถึงจะรู้ว่าคนพี่พูดเล่นแต่เจโน่ก็อดโมโหไม่ได้ ฝ่ามือกว้างจับแก้มก้นขาวแยกออกให้เห็นปากทางได้ถนัด ค่อยๆดันท่อนเนื้อแข็งขืนของตัวเองเข้าไป เจโน่ผ่อนลมหายใจตัวเองช้าๆเพื่อบังคับไม่ให้ตัวเองเผลอกระแทกเข้าไปรวดเดียวเต็มแรง มือใหญ่ขย้ำก้นงอนถ่ายอารมณ์ชนิดที่ว่าต้องทิ้งรอยไว้ให้เชยชมพรุ่งนี้แน่ๆ
“อ่าห์….” ร่างสูงเงยหน้าขึ้นปล่อยครางเมื่อในที่สุดช่องทางนุ่มก็กินแก่นกายเขาไปจนถึงโคน เหลือบลงมองร่างบางที่เงยหน้าเพยอปากหอบอยู่ข้างใต้ด้วยความเป็นห่วง
“พี่โอเคมั้ย” เจโน่เลิกคิ้วถาม
“ขอเวลาแป๊ป….” ร่างบางตอบเสียงสั่น
เด็กนี่มันใหญ่จริงๆด้วย จุกถึงคอหอยเลยชิตพล ฮือ….
เจโน่ที่กำลังนับแกะในใจกันไม่ให้ตัวเองขยับตามใจต้องการแย้มยิ้มเจ้าเล่ห์เมื่อเอวบางเริ่มขยับเข้าออกเองเป็นสัญญาณว่าเตนล์พร้อมที่จะไปถึงจุดต่อไปด้วยกันแล้ว
“ดีมั้ยพี่เตนล์” เจโน่แสร้งถาม เอวหนาขยับเข้าออกช้าๆหลอกล่อให้ร่างบางตายใจกับสัมผัสหนักแน่นช่วยเติมเต็มความต้องการที่ค้างคา
“ อื้ออ…” คนตัวเล็กๆพยักหน้ารับผมสีดำขลับกระจายบนผ้าปูที่นอนสีขาวบริสุทธ์ “เร็ว นะ…หน่อยสิเจโน่” เปลือกตาสีมุกเปิดขึ้นมาช้อนอ้อนคนด้านบน ยังไม่พอใจกับจังหวะเนิบนาบที่น้องชายมอบให้
แต่คนตัวสูงดันหยุด
“งื้อ….” วงหน้าสวยขมวดมุ่นอย่างไม่พอใจแต่ก็ต้องผงะเมื่อมองเห็นใบหน้าเรียบนิ่งของน้องชาย
“ใครนะที่บ่นจะหาผัวใหม่” เจโน่พูดเสียงเรียบ คว้าข้อมือบางทั้งสองข้างกดไว้กันไม่ให้ยุ่มย่ามกับแก่นกายน่ารัก
“ฮึก ก็… ก็ พี่พูดเล่น… งื้อ!” เจโน่ก้มลงไปงับซอกคอคนตัวขาวแรงๆเป็นการลงโทษ
“เรื่องอย่างนี้ล้อเล่นได้เหรอ” ร่างสูงจ้องตากลมเขม็ง
“ไม่ได้….?” คนตัวเล็กเอ่ยเสียงสั่น สภาพตอนนี้อึดอัดจะแย่ถ้าเจโน่ยังไม่ยอมขยับเขาคงจะอึดอัดตายแน่ๆ ไม่กล้าปากดีอีก
“ไม่ได้” เจโน่ย้ำเสียงแข็ง มือใหญ่อีกข้างนวดเฟ้นแก่นกายเล็กเบามือทำให้เคลิ้มรู้สึกดีแต่ไม่มากไปกว่านั้น เอวหนาขยับเข้าออกหนักๆเน้นย้ำตามจังหวะการพูดจนเกิดเป็นเสียงเนื้อกระทบกันดังทั่วห้อง
“จำไว้นะ” ปั๊บ
“จากนี้ไป” ปั๊บ
“พี่เตนล์” ปั๊บ
“มีผัว” ปั๊บ
“ได้คนเดียว” ปั๊บ
“คือโน่” ปั๊บ
“เข้าใจไหมครับ” เจ้าของเอวหนาหยุดขยับอีกครั้งเพื่อคาดคั้นเอาคำตอบกับร่างบางที่ตอนนี้ดวงตากลมใสกลับมามีน้ำตาคลอดเบ้าอีกครั้งทั้งๆที่คราบน้ำตาจากตอนเมื่อกี้เพิ่งแห้งติดแก้มใสสุกแดงปลั่งไปหยกๆ
“ฮึก เข้าใจแล้ว” ปากบวมเจอสั่นระริกพึมพำตอบน้องชาย หากสายตาที่จ้องมาบ่งบอกถึงความจริงจังของคำพูดว่าออกมาจากใจทุกคำ
“อา…” เจโน่ไล้ปลายนิ้วสากบนแก้มใสของพี่ชายอย่างแสนรัก “ทำไมพี่ต้องน่ารักขนาดนี้ด้วยเนี่ย”
เจโน่เชยคางมนขึ้นมารับจูบจังหวะแผ่วเบาเท่าขนนกสลับกับการกว้านลิ้นล้ำลึกแน่บแน่น เตนล์หลับตาพริ้มตอบรับสัมผัสไปด้วยความร้อนแรงพอๆกัน ร่างสูงเริ่มขยับจากจังหวะช้าๆเร่งไปยังจังหวะรัวเร็ว เอ็วเล็กก็ขยับสวนรับอย่างไม่ยอมแพ้ หยดเหงื่อพุดพรายร่างกายทั้งสองสอดรับกันเป็นหนึ่งเดียว
“อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อื๋อออออ….” คนตัวเล็กเชิดหน้าครางเสียงหวานเป็นที่รื่นหูของคนกำลังโถมตัวเข้าออกอยู่ด้านบน กับพี่เตนล์ยิ่งตักตวงก็ยิ่งหิวโหย ไม่เหมือนกับความสัมพันธ์ทางกายที่เจโน่เคยผ่านมา คนตัวเล็กมีควมใสซื่อบางอย่างที่���ำให้เจโน่อยากบดขยี้แต่ก็ไม่เขินอายจนน่ารำคาญ
แรงตอดรัดร้อนๆจากช่องทางอุ่นนุ่มที่คนตัวเล็กเผลอไผลขมิบด้วยความเสียวซ่านทำให้เจโน่กลัวใจว่าตัวเองจะได้ขึ้นสวรรค์ไปก่อน ซึ่งร่างสูงไม่ยอมให้เป็นอย่างนั้นแน่
“อ๊า จะ เจโน่ อ๊า อ๊า อย่า ตระ… เจโน่!” ร่างบางหวีดร้องเสียงหลงเมื่อเจ้าของแก่นกายยักษ์จับขาเรียวแยกออกเป็นตัววีพร้อมขยับองศาสะโพกให้กระแทกเข้าที่จุดกระสันเต็มแรง เสียงเนื้อกระทบกันดังก้อง กรอบเตียงขยับกระแทกผนังห้องตามแรงโถมของคนตัวสูงจนเป็นเสียงปัก ปัก ปัก
กราฟอารมณ์ของเตนล์กำลังไต่ขึ้นถึงจุดสูงสุด ตอนนี้คนตัวเล็กไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกแล้ว แรงกระแทกหนักแน่นที่โถมเข้ามาเป็นเวลาไม่น้อยไม่ได้ทำให้เขารู้สึกอึดอัดทั้งๆที่เด็กยักษ์อย่างเจโน่ก็ไม่ได้ยั้งแรง เตนล์คว้าผ้าปูที่นอนข้างตัวแน่นราวกับมันจะช่วยยั้งให้เขาอยู่บนโลกไม่ลอยขึ้นสวรรค์ตามความรู้สึกวูบโหวงในช่องท้องได้
ร่างกายและจังหวะรักของทั้งสองขมวดเกร็งขึ้นเรื่อยๆ เมื่อใกล้ถึงปลายทางทั้งคู่สบตากันรู้ว่าต้องการสื่ออะไร เจโน่ปรับจังหวะให้สั้นลงเร็วขึ้น จู่โจมร่างบางถี่ๆสูดปากถูกใจความรู้สึกที่ส่งผ่านมาทางแก่นกาย
“อ๊าาา!”
“อ่ะห์”
ในที่สุดสองพี่น้องก็ทนสัมผัสที่ต่างฝ่ายเป็นทั้งผู้รับและผู้ให้ไม่ไหวพากันถึงฝั่งฝันในเวลาเเทบจะพร้อมกัน เตนล์ปลดปล่อยออกมาอย่างแรง น้ำอารมณ์เปรอะเปื้อนมาถึงปลายคางมนทั้งยังรู้สึกถึงความร้อนวาบจากการปลดปล่อยของเจโน่ได้อย่างชัดเจนแม้จะมีผิวยางกันไว้ ตัวเจโน่เองก็ทิ้งตัวตามแรงโน้มถ่วงมาทับร่างบางทันทีหลังจากได้ปลดปล่อยครั้งใหญ่ ทั้งสองหอบหักหมดแรง ห้องที่เคยเต็มไปด้วยเสียงเนื้อกระทบเฉอะแฉะและเสียงหวีดครางเมื่อครู่กลับมาเงียบอีกครั้ง
“โน่รักพี่เตนล์มากนะ พี่เตนล์เป็นของโน่คนเดียว…ห้ามมีคนอื่นนะ” เจโน่คว้าร่างบางมากอด ถูไถใบหน้าคมเข้ากับซอกคอเนียน เสียงทุ้มงัวเงียออดอ้อนร่างบางเหมือนเด็กน้อยอย่างที่ว่าถ้าไม่มาเห็นสภาพรอยจ้ำช้ำตามผิวขาวๆของเตนล์คงไม่มีใครคิดว่าเด็กขี้ตัวโตอ้อนดูไร้พิษภัยคนนี้จะสามารถทำอะไรรุนแรงกับพี่ชายสุดที่รักได้
“อื้อ รู้แล้วน่า…” พี่ชายตัวเล็กพึมพำตอบ เปลือกตาสีมุกชิงปิดไปเสียแล้วพร้อมๆกับสติที่หลุดลอยเพราะความเหนื่อยอ่อนจึงไม่ทันรู้สึกเมื่อน้องชายถอนแก่นกายออกมัดถุงยางหย่อนลงในถังขยะใกล้ๆ เจโน่หยิบผ้าขนหนูชุบน้ำจากอ่างใต้เตียงมาปาดคราบของเหลวออกจากตัวทั้งคู่ พรุ่งนี้ตื่นมาจะได้สบายตัว ตาคมเหลือบไปมองขวดเจลหล่อลื่นกับกล่องถุงยางที่โดนโยนไว้บนหัวเตียง ยักไหล่ไม่ใส่ใจจะเก็บ กลับมานอนกอดร่างนุ่มนิ่มของพี่ชายที่ตอนนี้หลับฟี้ๆไปแล้วอย่างสบายใจ
จะเก็บให้เปลืองเวลาทำไมเดี๋ยวตอนเช้าก็ต้องใช้อยู่ดี
“พ่อกับแม่กลับมาแล้วจ้า~” คุณลีและคุณนายลีเดินควงแขนกันเข้ามาในบ้านประกาศเสียงดังหวังว่าลูกชายทั้งสองคนจะออกมาต้อนรับอบอุ่นแต่ไม่ยักกะมีใครโผล่มาสักคน สองสามีภรรยาวัยกลางคนเดินหาไปทั่วจนไปเจอสองพี่น้องยืนกอด….หรือจะพูดให้ถูกคือเจโน่ยืนกอดเตนล์อยู่จากด้านหลังในห้องครัว
ท่าทางจะกำลังเล่นอะไรกันอยู่เพราะเจโน่ยิ้มร่ากอดเอวเตนล์เอาไว้แน่น เตนล์ก็ขมวดคิ้วมุ่นจ้องกลับไปไม่ยอมแพ้ ทั้งสองคนดูเหนื่อยหอบ มีเหงื่ออกตามไรผมน้อยๆ มือเล็กตีแขนใหญ่ของน้องชายรัวๆเป็นเชิงบอกให้ปล่อย
สงสัยห้องครัวจะร้อน
“อะ อ้าว…กลับมาแล้วเหรอครับพ่อ แม่” เตนล์เอ่ยทักใบหน้าหวานแย้มยิ้มด้วยความดีใจ ร่างบางแงะตัวออกจากอ้อมกอดของเด็กยักษ์เดินมากอดคนเป็นแม่ “ไม่เจอกันตั้งนานคิดถึงมากเลยครับ”
“ลูกคนนี้นิ ขี้อ้อนไม่เปลี่ยนเลยนะแว่นน้อยของแม่” คุณนายลีหอมลูกชายคนโตฟอดใหญ่ คนพ่อก็เข้ามายีหัวทุยด้วยความเอ็นดู
“เป็นไงล่ะเราไปอเมริกามาหกปียังเหมือนเดิมเลยนะ ตกใจละสิที่กลับมาเห็นเจโน่โตเอาๆตัวใหญ่เท่านั้น”
“ก็…นิดหน่อยครับ” คนตัวเล็กยิ้มตอบแหยๆ
“แล้วนี่เราดูแลพี่เค้าดีรึเปล่าเนี่ยพ่อแม่ไม่อยู่ตั้งหลายอาทิตย์” พ่อหันไปถามเจโน่ที่ยืนพิงเคาท์เตอร์อยู่ข้างๆจุดที่เตนล์ยืน
“ดีสิพ่อ เนี่ย เทคแคร์อย่างดี โน่พาพี่เตนล์ออกกำลังกายเช้าเย็นๆเลยด้วย ไม่เชื่อถามพี่เตนล์ดูได้” เจโน่ตอบสบายๆ หันไปยิ้มแบบมีเลศนัยให้คนพี่ ทำเอาเตนล์หน้าแดงแวบหนึ่ง “เนอะ”
“อื้อ” คนตัวเล็กพยักหน้ารับเร็วๆ “เอ่อ…พอดีเตนล์เปิดหนังค้างไว้ข้างบนเดี๋ยวเตนล์ขอขึ้นไปปิดแล้วจะลงมาคุยกับพ่อกับแม่นะ” ว่าแล้วก็รีบเดินอออกจากห้องครัวไป
พ่อกับแม่มองตามร่างบางที่เดินไวจนแทบจะวิ่งกลับขึ้นห้องแบบงงๆ
“อะไรของเค้า” แม่พึมพำงงๆ หันกลับมามองลูกชายคนเล็กที่ยืนยิ้มแป้นแล้นเป็นยักษ์คับห้องครัว “ว่าแต่เสื้อตัวนั้นมันของโน่ไม่ใช้เหรอทำไมพี่เราถึงเอาไปใส่ล่ะ แล้วแกก็อีกคนหนาวขนาดนี้ทำไมใส่แค่เสื้อกล้ามแค่ตัวเดียว ห๊ะ!”
โดนแม่ดุเสียงเขียวตั้งแต่วันแรกที่กลับมาบ้านเจโน่ก็เข้าไปอ้อนแม่แทบไม่ทัน “โอย ก็เสื้อพี่เค้าหมดโน่ก็ให้ยืมใส่แค่นั้นเอง เดี๋ยวโน่ไปเอาตัวใหม่มาใส่ก็ได้แม่อย่าดุโน่ซี”
“เอ้อ แล้วทำไมปากพี่แกมันเจ่อๆหะเจโน่ แพ้กุ้งอีกแล้วเหรอ” พ่อถามเมื่อนึกได้ว่าเห็นริมฝีปากเป็นกระจับของลูกชายคนโตบวมเจ่อผิดปกติ
“อ่อ นั่น…”  เจโน่หันไปหาพ่อ “เปล่าหรอก เมื่อกี้ตัมรามยอนเผ็ดกินกันเฉยๆ” ร่างสูงบุ้ยหน้าไปยังกองหม้อที่วางผึ่งอยู่บนซิงค์ล้างจาน ก่อนทำหน้าเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ “โน่เพิ่งนึกได้ว่าลืมโทรศัพท์ไว้บนห้องพี่เตนล์เดี๋ยวโน่ขึ้นไปเอาแล้วจะกลับลงมาหานะ” พูดจบก็วิ่งขึ้นห้องไปอีกคน
“เด็กพวกนี้นี่มันอะไรกัน…” คุณนายลีมองตามหลังลูกชายทั้งสองไปอย่างไม่เข้าใจอะไรเท่าไหร่
“เอาน่าคุณลูกก็ดูเข้ากันได้ดีนะ อย่างนี้ผมค่อยโล่งใจหน่อย” คุณลีตอบ
“นั่นสิคะคุณเห็นลูกๆรักกันฉันก็ดีใจ นึกว่าห่างกันไปหกปีจะเข้าหน้ากันไม่ติดแล้วซะอีก”
สำหรับคนเป็นพ่อเป็นแม่ไม่มีอะไรจะทำให้ชื่นใจไปกว่าการเห็นพี่น้องรักใคร่สามัคคีกันหรอก
และคงเป็นโชคดีของตระกูลลีที่เจโน่กับเตนล์เป็นพี่น้องที่รักใคร่สามัคคีกันมากพอดี
/talk
ฮรุก ในที่สุดก็ได้เอาลงทัมซะที อยากจะกรี้ด เรื่องนี้แต่งนานกว่าที่คิดมากค่ะ บ่นในทวิตว่าอยากแต่งฟิดพอดีมีโมเมนท์โน่เตนล์ในงาน MAMA (ดีต่อใจพี่มาก ;—;) ละก็มีคนใจดีโยนฟิคโน่เตนล์เรื่องนี้มาให้ จริงๆกะเขียนเป็น SF สั้นๆแต่ไปๆมาๆไหงงอกยาวยืดขนาดนี้ก็ไม่รู้ ฮ่าๆๆๆ ต้องโทษความขี้ฝอยของตัวเองล้วนๆจะเขียนสองแต่ไม่พอใจบรรยายไปอีกสิบ จะหน่วงก็ไม่หน่วงสุด จะหวานก็ไม่หวานสุดกลายมาเป็นฟิคครึ่งๆกลางๆแบบนี้ ส่วนตัวเรารู้สึกว่าอารมณ์สองพี่น้องในเรื่องนี้เป็นแบบนี้กำลังพอดีค่ะไม่อยากให้หน่วงจนเกินไป จริงๆแอบอึดอัดกับภาษาตัวเองในเรื่องนี้ เขียนแล้วแก้ๆอยู่นั่น ถ้าออกมาแปลกๆยังไงต้องขอโทษด้วยนะคะ
ต้องขอบคุณทุกคนที่แวะมาอ่าน มีอะไรบอกกันได้ค่ะยินดีรับฟัง 55555
#โน่ใสๆไม่มีจริง
5 notes · View notes
supinetot · 8 years
Link
Sorry for the poor quality. I just miss JohnTen so much and decide to make this vid on my phone on a whim. I am not sure about the credits here, and terribly sorry for that, if anyone has any issue with this vid please inform me. Anyway, enjoy JohnTen! I love these cuties so much, hope they will get to be in the same unit.*sobs*❤❤❤
2 notes · View notes
supinetot · 8 years
Text
(OS) Discount; JohnTen
Author: The T
Rating: G
Fandom: NCT
Relationship: Johnny/Ten
Genre: Fluff, Romance
Tropes: Coffee Shop AU, Dorks in love 
Warning: นี่เป็นแค่เรื่องแต่งขึ้นไม่มีอะไรที่เป็นความจริงเลยจ๊ะทั้งหมดนี่คือมโนเองล้วนๆ ผู้เขียนไม่ได้รู้จักอะไรกับศิลปินที่นำมาเขียนเป็นการส่วนตัวโปรดใช้วิจารณญาณในการเสพ
Tag: ส่วนลดจอห์นเตนล์
“เบอร์ 12 ลาเต้เย็นได้แล้วครับ!”
เสียงเรียกให้ลูกค้ามารับออร์เดอร์ของตัวเองแบบนี้เป็นสิ่งที่พบได้ทั่วไปตามร้านกาแฟขนาดไม่ใหญ่นัก ที่ทำงานของยูตะเองก็ไม่ได้ต่างไปจากที่อื่นเท่าไหร่ หรือจะบอกว่าเหมือนกันเด๊ะๆเลยก็คงได้อยู่เพราะที่ร้านกาแฟที่ยูตะกำลังยืนชงเอสเปรสโซ่มัคคิอาโตอยู่นี่ก็เป็นสาขาหนึ่งของร้านกาแฟโลคอลแบรนด์ที่ไม่แม้จะไม่ได้โด่งดังเท้าสตาร์บัคส์แต่ก็พอเป็นที่รู้จักอยู่บ้าง
วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ไม่ได้มีอะไรพิเศษมากนักสำหรับนากาโมโตะ ยูตะ อาจจะดีหน่อยที่ตั้งแต่เข้ากะตอนเช้ายังไม่เจอลูกค้างี่เง่าสักราย มันเป็นเรื่องธรรมดาของอาชีพบริการที่ต้องเจอลูกค้าแย่ๆบ้างก็จริงแต่ก็ไม่ได้หมายความว่ายูตะจะต้องชอบใจเวลามีลูกค้าเรื่องมากโวยวายว่าราคากาแฟไม่เหมาะสมกับรสกาแฟชาติแย่ๆ(ที่ตัวเองดื่มไปจนหมดแก้วแล้ว)เสียหน่อย ยูตะไม่ได้ถึงกับหมายหัวลูกค้าคนไหนเข้าลิสต์ควรระวังไว้เป็นพิเศษ แต่ก็ไม่ได้มีลูกค้าคนโปรดอีกเหมือนกัน ไม่เหมือนกับเตนล์เพื่อนสนิทของยูตะที่ทำงานอยู่ที่ร้านกาแฟแห่งนี้เหมือนกัน
พูดไม่ทันขาดคำ…
สายตาของยูตะเงยไปพบกับผู้ชายหน้าหมีร่างสูงชะลูดลูกค้าคนพิเศษของเพื่อนสนิทเดินพลักประตูกระจกร้านเข้ามาพอดี ลูกค้าคนนี้ยูตะรู้แค่ว่าชื่อจอห์นนี่ทั้งๆที่จริงก็เป็นคนเกาหลีนี่แหละ แล้วก็คงจะเพิ่งย้ายเข้ามาทำงานที่บริษัทออกแบบดีไซน์อะไรสักอย่างที่กฎไม่เคร่งครัดมากบนตึกที่ร้านกาแฟแห่งนี้ตั้งอยู่ ดูจากที่เจ้าตัวเพิ่งจะโผล่มาเป็นเจ้าประจำได้ซักเดือนสองเดือนแล้ว บวกกับความที่จอห์นนี่ไม่เคยใส่สูทเหมือนพนักงานบริษัททั่วไป เห็นทุกทีคุณลูกค้าจอห์นนี่ก็ใส่แต่เสื้อผ้าลำลองที่ดูเน้นความสบายตัวมากกว่าเรื่องแฟชั่นหรือความเนี๊ยบ เรื่องความสูงของผู้ชายคนนี้ก็เรียกได้ว่าเกินมาตรฐานผู้ชายเอเชียทั่วไป สูงจนเพื่อนสนิทของเขาที่ตัวเล็กเป็นทุนเดิมอยู่แล้วต้องเงยหน้าจนเมื่อยคอเวลาต้องรับออร์เดอร์จากลูกค้าคนโปรด
ซึ่งอันที่จริงไม่ต้องรอฟังก็รู้อยู่แล้วว่าจะสั่งอะไร เพราะตั้งแต่เข้ามาที่ร้านนี้ครั้งแรกจอห์นนี่ก็สั่งมันอยู่เมนูเดียว
“ทอลฮ็อตอเมริกาโน่(Tall Hot Americano)แก้วนึงครับ”
เหอะ ผิดซะที่ไหน ยูตะคิดยิ้มๆกับตัวเองเมื่อหูได้ยินเสียงทุ้มกับสำเนียงภาษาอังกฤษติดอเมริกันจ๋าคุ้นหูเอ่ยสั่งกาแฟที่ต้องการจากพื้นที่หน้าเครื่องคิดเงินไม่ไกลจากจุดที่ตัวเองยืนทำงานอยู่
ผู้ชายคนนี้สั่งเมนูเดิมซ้ำๆทุกวัน ห้าวันต่อสัปดาห์ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเท่าไหร่ ลูกค้าสั่งเมนูเดิมทุกวันมีอยู่หลายคน ยิ่งร้านนี้ตั้งอยู่ใต้ตึกสำนักงานใหญ่เหล่ามนุษย์เงินเดือนที่มาใช้บริการก็ยิ่งเยอะไปอีก คนพวกนี้ส่วนใหญ่จะแวะมาตอนเช้ากับตอนเที่ยงซึ่งถือเป็นเวลาเร่งรีบ ไม่ค่อยมีใครจะใส่ใจมาประดิษฐ์ประดอยสั่งอะไรใหม่ๆสักเท่าไหร่ นอกจากเครื่องดื่มตามฤดูกาลที่จะมีมาให้เลือกเป็นพักๆกับอีเวนท์ที่ลูกค้าประจำก็รู้กันดีอยู่แล้วร้านกาแฟพื้นๆร้านนี้ก็ไม่ใช่สถานที่ที่จะมีอะไรแปลกใหม่รู้สึกน่าตื่นเต้นเท่าไหร่ คนส่วนมากก็คุ้นชินกับอะไรเดิมๆ แน่ล่ะ แค่มาซื้อกาแฟใครก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะเจออะไรแปลกใหม่หรอก
แต่ดูท่าวันนี้คุณลูกค้าจอห์นนี่จะต้องเจออะไรที่แปลกประหลาดจากเดิมไปสักหน่อย
“ทั้งหมด 3900 วอนครับ” มาร์คที่วันนี้มาทำหน้าที่แคชเชียร์แทนเตนล์บอกราคาเครื่องดื่มกับจอห์นนี่
“หืม?” ลูกค้าร่างสูงขมวดคิ้วน้อยๆชะงักมือที่กำลังหยิบธนบัตรออกจากกระเป๋าเงิน เสียงทุ้มเอ่ยถามพนักงงานหน้าไม่คุ้นตรงหน้าตนเองอย่างมึนงงเล็กน้อย “ปกติกาแฟแก้วละ 2730 วอนไม่ใช่เหรอครับ?”
“เอ่อ…คือ…คุณลูกค้าไม่เคยมาซื้อกาแฟที่ร้านเรารึเปล่าครับ ทอลฮ็อตอเมริกาโน่ร้านเราก็ราคา 3900 วอนมาตั้งนานแล้วนะครับ” มาร์คทำหน้าเหรอหราตอบจอห์นนี่ไป เด็กหนุ่มเริ่มเป็นกังวลนิดๆเนื่องจากตัวเองยังไม่คล่องงานแคชเชียร์เท่าไหร่ เจอลูกค้าท้วงเข้าให้แบบนี้ก็แอบใจหายนิดหน่อย แม้ว่าตัวเองจะมั่นใจว่าจำราคาเมนูพื้นๆอย่างอเมริกาโน่ร้อนไม่ผิดก็ตาม ไอ้ป้ายเมนูร้านนี้ก็ดันมีแต่ชื่อเมนูแต่ไม่มีราคาซะอีก
“แต่ผมมาซื้อกาแฟร้านนี้ได้เดือนกว่าๆแล้วนะครับ ปกติสั่งกาแฟกับคุณคนตัวเล็กๆที่น่ารักๆยิ้มเก่งๆก็จ่ายราคานั้นมาตลอด…. จะว่าไปแล้วเขาหายไปไหนล่ะครับ?”
“อ๋อ คือวันนี้พี่เค้ามีธุระกระทันหันน่ะครับเลยแลกกะกับผมจะเข้ามาอีกทีก็บ่ายพรุ่งนี้ เรื่องราคาผมไม่ทราบว่าเป็นมายังไงนะครับ ต้องขอโทษจริงๆ เดี๋ยวผมไปตามพี่ผู้จัดการมาคุยกับคุณลูกค้าดีกว่าเพราะพี่เค้ารู้เรื่องราคาดีกว่าผม…”
ยูตะชงออร์เดอร์ของตัวเองเสร็จพอดีตอนเห็นว่าพนักงานรุ่นน้องอย่างมาร์คกำลังทำให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่
ทุกคนอาจจะส่งสัยว่าเรื่องเงินเรื่องทองกับการค้าขายจะนับว่าเป็นเรื่องเล็กได้ยังไงกัน คือถ้ามันหายไปแบบไร้ร่องรอยหรือจอห์นนี่เป็นลูกค้าสายเกรียนที่พยายามเลี่ยงการจ่ายค่ากาแฟมันก็จะเป็นเรื่องใหญ่จริงๆนั่นแหละ แต่พอดีว่ามันไม่ใช่ทั้งสองอย่างไง
ต้นเหตุของเรื่องนี้ก็คือเตนล์ พนักงานดีเด่นสามเดือนซ้อนเพื่อนสนิทของยูตะเองนี่แหละ
เตนล์เป็นคนคุมแคชเชียร์ในช่วงเวลาที่จอห์นนี่มาซื้อกาแฟทุกครั้งตั้งแต่ที่ลูกค้าตัวโย่งก้าวขาเข้ามาในร้านเป็นหนแรกจะเรียกว่าบังเอิญหรือพรมลิขิตอะไรก็ได้ และจอห์นนี่ก็ซื้ออเมริกาโน่ร้อนหนึ่งแก้วไปด้วยเงินจำนวน 2730 วอนทุกครั้งจริงๆตั้งแต่ครั้งแรก
ถ้าถามว่าเงินค่ากาแฟมันหายไปไหน ก็ต้องบอกว่าฝีมือเตนล์นั่นแหละจะเป็นใครที่ไหนไปได้ ที่บอกว่าจอห์นนี่เป็นลูกค้าคนโปรดจริงๆควรบอกว่าเป็นลูกค้าชนชั้นอภิสิทธิ์ที่เตนล์แอบชอบอยู่น่าจะถูกกว่า เห็นว่าจอห์นนี่ช่วยเข้ามาพยุงเตนล์ตอนที่เตนล์เป็นหวัดเบลอจัดจนบังเอิญโดนคนเดินชนล้มไปข้างทาง พอถามจนแน่ใจว่าเตนล์ไม่บาดเจ็บอะไรจึงยอมปล่อยให้เดินทางมาทำงานต่อ ตัวเตนล์เองก็นึกว่าจะไม่ได้เจอกันอีกแล้วแต่กลายเป็นว่าวันถัดมาจอห์นนี่กลับมาปรากฎตัวที่ร้านกาแฟทุกวันทำงานจนกลายเป็นขาประจำไปซะงั้น
ตอนแรกเพื่อนตัวดีก็บอกว่าแค่อยากตอบแทนที่เขามีน้ำใจแม้จอห์นนี่จะจำเตนล์ไม่ได้เพราะวันนั้นเตนล์ใส่มากส์สีขาวปิดหน้าไว้ก็ตาม วันแรกที่จอห์นนี่เข้ามาซื้อกาแฟก็เลยใช้ส่วนลดพนักงานที่ลดราคาเครื่องดื่มได้ 30% ของตัวเองให้เขาไป แต่พอเขามาทุกวันก็ดันไปลดให้เขาทุกวัน พอถามว่าทำไมไม่หยุดซักทีก็ตอบมาหน้าตาเฉยว่าก็เขาซื้อกาแฟราคานี้มาตลอดอยู่ๆจะขึ้นมันก็แปลกๆ แล้วสิทธิ์ส่วนลดของพนักงานยังไงก็ใช้ได้ไม่อั้นไม่เดือดร้อนใครอยู่แล้วไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย พอจะยุให้บอกเค้าไปตรงๆว่าตัวเองเป็นคนใช้ส่วนลดให้ก็ดื้อไม่ยอมอีก บอกว่ามันจะรู้สึกแปลกๆเหมือนจะไปทวงบุญคุณเขายังไงชอบกล
ยื้อไปยื้อมาก็สรุปว่าเตนล์ได้ช่วยจ่ายค่ากาแฟทางอ้อมให้จอห์นนี่ทุกวันเงียบๆมาหนึ่งเดือนกว่าๆแล้ว ค่ากาแฟที่ลดไปตอนนี้รวมๆกันก็ เกือบๆ 4 หมื่นวอน เกินค่าสินน้ำใจของพลเมืองเกาหลีน้ำใจดีหน้าตาหล่อเหลาที่เข้ามาช่วยพยุงไปไกลโข
คือขอเลี้ยงกาแฟเขาตรงๆเลยจะง่ายกว่าไหม?
ยูตะเห็นเพื่อนเปย์ผู้ชายวนเป็นวงจรอุบาทว์แบบนี้มาเป็นเดือนก็อดเหนื่อยใจแทนไม่ได้ ปากบอกไม่มีอะไรไม่มีอะไร ลูกค้าธรรมดา เหอะ คนหล่ออยากหัวเราะให้กรามค้าง อยากจะบอกว่าไอ้หูที่แดงเถือกทุกครั้งเวลาเค้ามาสั่งกาแฟน่ะ ถึงผู้ชายจะไม่สังเกตแต่เพื่อนที่ยืนอยู่ข้างๆเห็นนะโว้ย!
และด้วยความที่ว่านากาโมโตะ ยูตะผู้นี้นอกจากจะหล่อ ชงกาแฟอร่อยแล้วยังเป็นคนดีมีน้ำใจงามมากด้วยจึงจะไม่ปล่อยให้เรื่องคาราคาซังอย่างนี้ต่อไป (จริงๆคือรำคาญ) เพราะถ้าไม่เข้าไปยุ่งเพื่อนเตนล์คงจะต้องเปย์เงียบๆนกเงียบๆตามประสาคนที่รักนะแสดงออกแต่ไม่กล้าบอกมันออกไปจนรู้ตัวอีกทีได้เสิร์พกาแฟให้ลูกเมียเค้าแน่ๆ
เมื่อรู้สึกว่าบทสนทนาระหว่างจอห์นนี่กับมาร์คมีช่องว่างยูตะก็วางแก้วเอสเปรสโซ่มัคคิอาโตที่ชงเสร็จแล้วบนเคาเตอร์รับกาแฟรอให้ลูกค้าที่สั่งมันมารับแล้วเข้าไปแทรกตัวข้างๆมาร์คอย่างพอเหมาะพอเจาะ คนพี่สะกิดให้มาร์คออกไปทำอย่างอื่นแล้วหันมาเผชิญหน้ากับลูกค้าที่รักของเพื่อนเตนล์ที่ยืนทำหน้างงๆเหมือนหมีหิวน้ำผึ้งอยู่ตรงเคาเตอร์
“คือจริงๆแล้วดูเหมือนว่ากาแฟของคุณลูกค้าจะได้'ส่วนลดพนักงาน'ลด 30% น่ะครับ จากราคาเต็ม 3900 วอนก็เลยเหลือ 2730 วอน” ยูตะเฉลยที่มาของราคาที่หายไปให้คุณลูกค้าฟัง
หวังว่าคงจะเข้าใจที่ตั้งใจจะสื่อนะ ความสัมพันธ์ครั้งนี้มีคนซื่อ(บื้อ)อย่างเตนล์แค่คนเดียวก็เกินพอเเล้ว
“แสดงว่าคุณคนน่ารักคนนั้น…” จอห์นนี่นิ่งไปเหมือนเข้าอะไรบางอย่างก่อนจะยิ้มกว้างออกมา สายตางุนงงก่อนหน้านี้หายไปเหลือไว้แต่ประกายระยิบระยับส่อแววเจ้าเล่ห์นิดๆเท่านั้น “น้องคนนั้นเค้าบอกว่าเค้าจะเข้ามาพรุ่งนี้ใช่มั้ยครับ”
“ใช่ครับ เตนล์จะเข้ากะบ่ายพรุ่งนี้เลิกงานตอนหกโมงเย็นครับ”
“เค้าชื่ออะไรนะครับ เทน? ไม่ได้ชื่อ…อะไรนะ….อ่า ชิตาพนเหรอครับ” ร่างสูงเลิกคิ้วเล็กน้อยเพราะพอจะจำได้ว่าชื่อที่ตัวเองเห็นบนป้ายชื่อพนักงานของคนตัวเล็กน่ารักที่เจอหน้ากันอยู่ทุกเช้าไม่ใช่ชื่อเดียวกับที่ยูตะพูดถึงแต่เป็นชื่อยาวๆที่พออ่านออกเสียงในใจแล้วฟังแปร่งๆไม่คุ้นหูเท่าไหร่
“อ่า พอดี เตนล์เป็นชื่อเล่นที่ทุกคนใช้เรียกกันน่ะครับ”
“อ๋อ…ครับ” จอห์นนี่พยักหน้าเข้าใจ มือใหญ่หยิบธนบัตร 5 พันวอนวางลงบนเคาเตอร์แล้วเดินไปยืนรอกาแฟอีกด้านเมื่อรับเงินทอนจากยูตะมาแล้ว
จอห์นนี่เดินออกมาจากร้านพร้อมกับอเมริกาโน่ราคา 3900 วอนในมือ แม้เช้านี้จะต้องเสียเงินซื้อกาแฟมากกว่าปกติแต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ร่างสูงอารมณ์เสียแต่อย่างใด
มือใหญ่ยกขึ้นมาเสยกลุ่มผมสีน้ำตาลเข้มที่ตกลงมาปรกใบหน้าหล่อเหลาคล้ายชาวต่างชาติ จอห์นนี่ก้มลงมองแก้วกาแฟในมือ ดวงตาคมทอประกายแววาว ร้อยยิ้มบางระบายลงบนริมฝีปากหยักได้รูป
“แล้วเจอกันนะครับ คุณเตนล์คนน่ารัก :)”
- B O N U S -
“พี่เตนล์หายไปไหนอ่ะพี่ยูตะผมไม่เห็นสองสามวันแล้ว ไม่สบายรึเปล่า"
“ไม่ได้เป็นอะไร แต่แกหยุดงานไปคงไม่รู้สินะ ตอนนี้เตนล์ไปอเมริกา”
“อ้าว! แล้วพี่เตนล์ไปอเมริกาทำไมอ่ะ”
“ไปเยี่ยมว่าที่พ่อแม่สามีเค้าสิ”
“หะ! พี่เตนล์มีแฟนเป็นคนอเมริกันเหรอทำไมผมไม่เห็นรู้เรื่องเลยอ่ะ”
“คนอเมริกันอะไรกันล่ะ คนเกาหลีนี่แหละ แกจำลูกค้าตัวสูงๆที่มีปัญหาเรื่องราคากาแฟกับแกเมื่อสองสามเดือนก่อนได้มะ คนนั้นล่ะแฟนไอ้เตนล์”
“อ๋อ…. คุณคนที่หน้าดูฝรั่งๆคนนั้น ว่าแต่เค้าจะแต่งงานกันเหรอพี่ถึงกับต้องไปเจอพ่อแม่อย่างนั้น”
“ยังมั้ง เพิ่งคบกันได้ไม่กี่เดือน แต่เห็นว่าแฟนอยากพาไปเยี่ยมเฉยๆ จู่ๆก็ซื้อตั๋วมาให้ นี่เตนล์ก็เพิ่งรู้เรื่องไม่กี่วันก่อนอยู่ๆก็ขอลางานแล้วเก็บของบินไปเลย”
“โห…พี่เตนล์ได้แฟนสายเปย์ด้วย น่าอิจฉาว่ะพี่”
“เออ แฟนแม่งเปย์จริง เห็นว่าเป็นสถาปนิกธรรมดานี่แหละแต่บ้านรวยไง ปกติก็เห็นพาเตนล์ตระเวนกินเค้กได้ทุกวี่ทุกวัน แฮปปี้ชีวิตดีไปอีก แต่มันก็ไปเปย์เค้าก่อนด้วย สงสัยแต้มบุญถึงจุดออกดอกออกผลมั้ง”
“พี่เตนล์เปย์แฟนก็เลยได้แฟนสายเปย์? ตกลงเรื่องมันเป็นยังไงวะพี่ผมงงไปหมดละ”
“โว๊ะ มาร์คลีนอกจากจะหน้าตาไม่ดีแกนี่ยังไม่รู้อะไรอีกนะ วันหลังหัดใส่ใจชีวิตเพื่อนร่วมงานบ้างก็ดี นี่ก็ไม่ได้อยากจะอวดนะ เตนล์ได้กับแฟนมันก็เพราะพี่นี่แหละ”
“อ่าว แล้วพี่ไปเกี่ยวอะไรด้วยอ่ะ?”
“ก็คือเรื่องมันมีอยู่ว่า….”
- E N D -
/talk
เป็นวันช็อตจอห์นเตนล์ที่เป็นpovยูตะจอห์นนี่บทน้อยมากส่วนเตนล์ไม่ได้พูดเลย 5555 บางทีก็ส่งสัยว่าตัวเองเขียนอะไรลงไป แต่ก็หวังว่าจะชอบกัน เรื่องนี้มีแทคด้วยนะเตงใครไม่มีทัมแต่อยากคุยกันหรือหวีดฟิค(จะมีมั้ย555)เจอกันได้ในทวิตเตอร์ รักนะ จุ๊บุ 
#ส่วนลดจอห์นเตนล์
9 notes · View notes
supinetot · 8 years
Text
(SF) พี่จ้อนกับเฮียชิต (1/?); JohnTen
Author: The T
Rating: PG
Fandom: NCT
Relationship: Johnny/Ten
Genre: Comedy, Slice of life, Romance(?)
Tropes: Normal people AU, Setting in Thailand, Bromance, Friends to Lovers
Warning: นี่เป็นแค่เรื่องแต่งขึ้นไม่มีอะไรที่เป็นความจริงเลยจ๊ะทั้งหมดนี่คือมโนเองล้วนๆ ผู้เขียนไม่ได้รู้จักอะไรกับศิลปินที่นำมาเขียนเป็นการส่วนตัวโปรดใช้วิจารณญาณในการเสพ, เรื่องนี้เขียนด้วยความชั่ววูปค่ะ ความหวานเหวินอะไรไม่มีทั้งนั้นนอกจากความเกรียน 100% สองหนุ่มของเราเรื่องนี้เถื่อนทั้งคู่เป็นความสัมพันธ์แบบแมนๆ คำหยาบเยอะมากใครไม่ชอบอย่าอ่านเลยจ่ะ ด้วยความเป็นห่วง❤
Tag: -
แดดเมืองไทยนี่แม่ง….กะจะร้อนจนมนุษย์เดินดินกลายเป็นไก่ย่างเลยเหรอวะ
ชายหนุ่มร่างสูงชะลูดปานเสาไฟฟ้าบ่นในใจขณะที่ขายาวๆพยายามเดินให้เร็วขึ้นเพื่อที่จะให้ถึงจุดหมายก่อนที่ตัวเองจะเป็นลมแดดไปซะก่อน มือข้างซ้ายที่ถือถุงก๋วยเตี๋ยวหลายถุงอยู่ถูกยกขึ้นมาเช็ดเหงื่อบนหน้าผากอย่างลวกๆ พร้อมกับปัดผมหน้าม้าที่อตุส่าห์ไปย้อมสีน้ำตาลอมแดงเจิดจ้าที่ร้านเจ๊ส้มหน้าปากซอยเพื่อเพิ่มความอเมริกันสไตล์ให้กับตัวเองมาทัดหูให้พ้นหน้าพ้นตาด้วยความรำคาญ
จอห์นนี่ ซอ เป็นชายหนุ่มสูงยาวเข่าดีเชื้อสายเกาหลีสัญชาติอเมริกันที่มีถิ่นพำนักอยู่ที่ประเทศไทยมาได้หลายปีดีดัก ถ้าจะถามว่าความซับซ้อนของประโยคก่อนหน้ามันเป็นมายังไงก็คงต้องถามกลับว่ามีเวลาซักสองสามชั่วโมงมั้ยจะได้เล่าให้ฟังได้ แต่ไอ่เรื่องนั้นจะยังไงก็ช่างเหอะ อันที่จริงแล้วจอห์นนี่คนคูลมีชื่อหล่อๆเป็นภาษาเกาหลีว่าซอ ยองโฮหากแต่ทุกคนในซอย 8 พร้อมใจกันเรียกกร่อนเสียงง่ายๆอย่างไทยๆว่า(ไอ้)จ้อน อย่างที่ไม่ค่อยจะเข้ากับหน้าตาหล่ออินเตอร์ของเจ้าตัวสักเท่าไหร่ ซึ่งถึงแม้จะขัดใจกับชื่ออันแสนจะไม่คูลนี่แต่ตอนนี้จอห์นนี่เองก็ชินกับมันไปเสียแล้ว และพอมีคนเรียกชื่อนี้เมื่อไหร่ก็เป็นต้องหันขวับทันที
“ไอ้พี่จ้อน!”
ใครเรียกคนหล่อวะ
“อ้าว เฮียชิต!” ร่างสูงทักคนที่เพิ่งเรียกตัวเองตะกี้กลับไปด้วยความดีใจเมื่อเห็นว่าคนมาใหม่นั้นขี่มอเตอร์ไซคู่ใจมาชะลออยู่ข้างตัวเอง
ไม่ต้องเดินกลับแล้วโว้ย!
“ม๊าใช้ให้ออกมาซื้อก๋วยเตี๋ยวเหรอพี่จ้อน?” ร่างเล็กบนรถมอเตอร์ไซฟีโน่เอ่ยถามลูกจ้างตัวสูงที่เดินลากขาลิ้นห้อยอยู่กลางซอย
“ใช่แล้วครับเฮียชิต พอดีคุณแม่เฮียชิตวานให้พี่เดินมาซื้อก๋วยเตี๋ยวให้คนในอู่น่ะครับ แล้วนี่วันนี้เฮียชิตไม่มีเรียนแล้วเหรอครับ” จอห์นนี่ตอบคนตัวเล็กที่นั่งอยู่บนมอเตอร์ไซด้วยความสุภาพมากผิดปกติ ไม่ใช่อะไรหรอก ก็ชะเลียน้องหวังจะติดมอเตอร์ไซเข้าไปในซอยด้วยเท่านั้นแหละ เพราะไหนๆก็จะไปทางเดียวกันอยู่แล้ว นี่เขาเพิ่งเดินมาได้ครึ่งทางกว่าจะถึงก็อีกตั้งสองกิโล และด้วยสภาพอากาศแบบนี่ถ้าขืนยังเดินต่อไปจอห์นนี่ ซอคนหล่อจะต้องตัวไหม้หลอมละลายไปรวมกับยางมะตอยที่ราดพื้นถนนอยู่ก่อนถึงอู่เป็นแน่แท้
อู่ที่ว่านี่มีชื่อห้วนๆง่ายๆว่า “อู่เฮียชาติ” เห็นชื่อดูกะโหลกกะลาอย่างนี้อย่าดูถูกนะครับ อู่เฮียชาติเป็นอู่ใหญ่ที่เปิดมาหลายปี สามารถบริการรถได้ทุกประเภทตั้งแต่อีเต๋นเก็บขยะจนถึงรถสปอร์ตราคาหลายสิบล้าน ฝีมือเนี๊ยบสมราคาจนขึ้นชื่อไปทั่ว อู่นี้มีช่างซ่อมฝีมือดีอยู่หลายคนและจอห์นนี่ก็เป็นหนึ่งในนั่น เฮียชาติดูแลลูกน้องดีเหมือนลูกเหมือนหลาน แต่ก็นั่นแหละ อาจจะเพราะด้วยความที่โดนมองว่าเหมือนลูกหลานเลยโดนใช้ให้มาทำงานที่ไม่ใช่งานอยู่บ่อยๆ และเถ้าแก่เนี๊ยะประจำอู่ก็ดูจะเอ็นดูจอห์นนี่เป็นพิเศษถึงโดนใช้บ่อยกว่าคนอื่นอยู่เรื่อย
ไอ้ที่นั่งอยู่บนมอเตอร์ไซนี่ก็ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเฮียชาติแก มีชื่อเล่นน่ารักน่าเอ็นดูว่า(น้อง)เตนล์ ทว่าจากอุปนิสัยอันห้าวหาญหยาบกระด้างชนิดที่ว่ากระดาษทรายเบอร์ศูนย์ยังเอาไม่อยู่ ทำให้คนที่เรียกมันด้วยชื่อนี้มีแต่เถ้าแก่เนี๊ยะแม่ของเจ้าตัวเท่านั้น ยิ่งตอนนี่พี่ท่านได้ทรงผมทรงใหม่ไถข้างกับรูหูที่เจาะใหม่อีก 3 รูยิ่งทำให้เด็กๆในซอยพร้อมใจกันสถาปนาให้เป็นเฮียชิตคนแมนลูกพี่ใหญ่ประจำซอยไปโดยปริยาย (ซึ่งอันที่จริงมันก็เป็นมานานแล้ว) ตอนนี้ชิตพลกำลังเรียนอยู่วิศวะยานยนต์ปี 3 ใกล้จบมาเทคโอเวอร์กิจการพ่อได้อยู่รอมร่อ ที่ขี่ฟีโน่ชิวๆเข้าซอยมาตอนเที่ยงแดดเปรี้ยงๆแบบนี้แสดงว่าเพิ่งกลับมาจากมหาลัยแน่นอน
แล้วทำไมจอห์นนี่ถึงเรียกน้องว่าเฮียทั้งๆที่มันทั้งเด็กกว่าและตัวเล็กกว่าเป็นคืบอย่างนี้หน่ะเหรอ? แหม่มันก็ไม่มีอะไรมากหรอกนอกจากชินปาก ตอนแรกก็เรียกล้อตามเด็กๆในซอยไปงั้น ไปๆมาๆก็เริ่มเคยตัวแถมนี่ก็เจ้านายในอนาคตจะเอาใจหวังผลไว้ก่อนก็ไม่เห็นเสียหาย ทั้งเก่งทั้งฉลาดอย่างนี้ตำแหน่งนายช่างใหญ่ในอนาคตมีหรือจะพ้นซอ ยองโฮผู้นี้ ฮ่าๆๆๆๆๆ
“ไม่ต้องมาทำเสียงอ่อนเสียงหวานเลย สยองหว่ะพี่” ชิตพลเบ้ปากใส่ผู่ชายตัวสูงอย่างไม่รักษาน้ำใจสักนิด “จะให้ขับไปส่งอู่ก็บอกมาเหอะไม่ต้องมาทำดีใส่หรอก”
“มึงรู้ก็ดีละ” จอห์นนี่เลิกเฟคท่าทีพินอบพิเทาใส่ลูกเจ้านายก่อนจะยื่นพวงถุงก๋วยเตี๋ยวหลายถุงให้ชิตพล “ร้อนจะตายห่าแล้วเนี่ยยังต้องเดินเท้ามาซื้อก๋วยเตี๋ยวให้เจ๊อีก ไอ้ซอยนี่ก็จะลึกไปไหน มึงไปบอกให้แม่มึงขึ้นเงินเดือนให้พี่ด้วยนะพี่ทุ่มเทขนาดนี้แล้ว”
“เอ้า แล้วทำไมพี่ไม่ขับมอไซออกมาวะ”
“เสียไงครับ มึงจำไม่ได้เหรอที่เอาลูกกูไปรับคมแฝกไอ้แทยงหน่ะ ไฟหน้ายังซ่อมไม่เสร็จเลย ความจำสั้นนะมึงเนี่ย”
พอพูดถึงมอไซลูกรักตัวเองที่สภาพสะบักสะบอมเนื่องจากโดนใช้เป็นพร็อบประกอบในดงยำทรีนเมื่อวันก่อนจอห์นนี่ก็เริ่มเท้าเอวบ่นเป็นคนแก่ แถมยังถือโอกาสแซะคนที่กำลังพยายามเกี่ยวถุงก๋วยเตี๋ยวเจ้ากับเฮนด์มอเตอร์ไซไปด้วยเลย
“พี่แม่งขี้บ่นหว่ะ ประจำเดือนมาไม่ปกติเหรอ ก็ซ่อมให้ฟรีแล้วไงเดี๋ยวก็ไฉไลเหมือนใหม่ วู้ แล้วมอไซที่ว่าเนี่ยกูหมายถึงมอไซไอ้แฮชานครับพี่ วันนี้มันอยู่ช่วยงานที่อู่ทำไมไม่ขับมาหล่ะ”
“เออ ว่ะ…ทำไมถึงคิดไม่ถึงวะ…” สงสัยต้องกลัวสีหน้าโมโหหิวของเจ๊มากไปแน่ๆเลยรีบร้อนออกมาอย่างนี้
“พี่แม่งโง่ไง” ชิตพลหันมาตอบหน้าตาย ซึ่งจอห์นนี่ก็ได้แต่มองอ่อนกลับไป
“…บางทีมึงจะเคารพพี่บ้างก็ได้นะเฮียไม่มีใครว่าหรอก”
“พี่ก็เลิกกากดิวะ ถ้าเลิกได้เดี๋ยวจะเรียกจอห์นนี่อปป้า~เลย” ชิตพลยิ้มพร้อมดัดเสียงอ่อนเสียงหวานอย่างน่าหมั่นไส้ไม่เข้ากับลุคแบดบอยของเจ้าตัวเลยสักนิด
“��ู้ชายเรียกเค้าใช้ฮยองโว้ย” จอห์นนี่แก้แกรมม่าร์ให้น้องทันที ซึ่งสิ่งที่ได้กลับมาก็แค่การไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจของเจ้าตัว แปลเป็นภาษาไทยได้ว่า
แล้วงัยคัยแคร์?
“มึงนี่มัน….” จอห์นนี่ได้แต่ถอนหายใจน้อยใจในโชคชะตาตัวเองกับฟ้าดินที่ต้องมาเจอกับเด็กผีอย่างชิตพล ร่างสูงหลับตาแล้วใช้มือใหญ่คลึงสันจมูกโด่งอย่างเอือมๆ คือความกวนส้นของเฮียชิตนี่ทำให้เขาอยากบีบคอให้มันขาดอากาศหายใจตายวันละหลายๆรอบ ติดที่ว่ามันทำไม่ได้นี่สิ
ลูกเจ้านายท่องไว้จอห์นนี่ ลูกเจ้านายลูกเจ้านายลูกเจ้า…..
บรื้น….
“อ่าว เฮ้ย เฮียชิต มึงรอพี่ไปด้วยสิวะ!!” จอห์นนี่ตะโกนเรียกเสียงหลงเมื่อเห็นว่าฟีโนคันงามของน้องรักได้เร่งเครื่องไปไกลเกินกว่าที่จะวิ่งตามได้แล้วภายในระยะเวลาไม่กี่วิ
“จะรีบเอาก๋วยเตี๋ยวไปให้ม๊า เดี๋ยวม๊ากินอาหารไม่ตรงเวลาแล้วจะเป็นลมเป็นแล้งเอา!” ชิตพลตะโกนกลับมา
“เว่อร์ละมึง เจ๊แข็งแรงจะตายชัก กูยังมึนที่โดนเจ๊ตบหัวเมื่อวานอยู่เลย กินข้าวเลท 5 นาทีไม่เป็นห่าอะไรหรอก กลับมารับกูเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
“บลาๆๆๆ” ชิตพลไม่ตอบอะไรนอกจากส่งเสียงรบกวน(ประสาทจอห์นนี่)กลับไป
“อะไรวะเฮียชิต ทำไมน้ำใจมึงมันถึงแห้งแล้งอย่างงี้วะ!!” จอห์นนี่ยังคงไม่หยุดตะโกนด่าไล่หลังชิตพลไป
“มีขาก็เดินต่อเองดิวะพี่ นี่อุตส่าห์ขนก๋วยเตี๋ยวให้แล้วนะ เฮียชิตใจดีจะตายไป เฮียไปก่อนนะจ๊ะะะะ❤” ชิตพลพูดทอดเสียงอ้อนส้นเท้าทิ้งท้ายก่อนจะไม่หันมาสนใจจอห์นนี่อีก
แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้จอห์นนี่ลดละที่จะตะโกนไล่หลังชิตพลไปเลย
“เฮียชิต!”
“เฮียชิต!”
“ไอ้เฮียชิต!”
“ไอ้เหี้ยชิตตต!!!!”
TBC
4 notes · View notes
supinetot · 8 years
Text
(OS) Hit The Stage✌; YugTen
Author: The T
Rating: G
Fandom: NCT, Got7
Relationship: Yugyeom/Ten
Genre: Fluff, Romance
Tropes: Stream of consciousness
Warning: นี่เป็นแค่เรื่องแต่งขึ้นไม่มีอะไรที่เป็นความจริงเลยจ๊ะทั้งหมดนี่คือมโนเองล้วนๆ ผู้เขียนไม่ได้รู้จักอะไรกับศิลปินที่นำมาเขียนเป็นการส่วนตัวโปรดใช้วิจารณญาณในการเสพ
Tag: -
ผมชื่นชอบเตนล์ฮยองมาก คนอะไรก็ไม่รู้ถ่ายทอดการเต้นออกมาได้อย่างกับกำลังสร้างงานศิลปะ ทุกท่วงท่าที่แสดงออกมาสื่อให้เห็นว่าพี่เค้ารักและมีความสุขกับการเต้นมากแค่ไหน
ซึ่งถ้าจะให้ยอมรับแบบแมนๆ…
จะว่าผมเป็นแฟนบอยก็คงจะไม่ผิดหรอกครับ
ผมเ��ยเจอพี่เค้าในงานต่างๆบ้างแต่ก็ไม่มีโอกาสทักสักที ที่จริงก็เพราะผมเขินด้วยนั่นแหละ แหม ก็เจอทีไรเค้าก็มีคนห้อมล้อมเยอะแยะทุกที ไม่เป็นพวกสตาฟก็เมมเบอร์ในวง ผมนี่ไม่กล้าเข้าไปคุยหรอก ก่อนหน้านี้ก็เลยได้แต่ขุดคลิปเต้นพี่เค้าจากที่ต่างๆไม่ว่าจะเป็นออฟฟิเชียลหรือแฟนแคมมานั่งดูวนลูปอยู่คนเดียว ดูไปก็ปลื้มไป
เตนล์ฮยองเท่ห์มากเลย
ใช่ผมตอบพิธีกรในรายการ Hit the Stage ไปแบบนั้น
ซึ่งมันก็เรื่องจริงแหละครับ
ผมดีใจที่ได้รับโอกาสให้มาแสดงฝีมือการเต้นด้วยตัวคนเดียวอย่างเต็มที่ แต่ถ้าจะให้บอกว่าการที่ผมตื่นเต้นจนแทบนอนไม่หลับนี่ไม่เกี่ยวกับรุ่นพี่ชาวไทยบางคนเลยก็คงจะเป็นการโกหกคำโต พี่เตนล์ตัวจริงดูเป็นคนใจดี น่าอยู่ใกล้อย่างที่คิดไว้ แล้วก็ตอนที่พี่เค้าขึ้นไปเต้นเนี่ยนะ ที่สุดของสุดยอด ผมละสายตาจากพี่เค้าไปไม่ได้สักวิ มันดีจนกระทั่งที่ผมคิดว่าเค้าจะต้องได้ที่หนึ่งแน่ๆ ทั้งๆที่ตัวเองก็มั่นใจว่าใส่ไปเต็มที่กับโชว์ที่เตรียมมาได้ดีมากแล้วเหมือนกัน
ผมได้แต่อมยิ้มบางๆ เมื่อรู้สึกได้ว่าแก้มตัวเองกำลังร้อนนิดๆอย่างกับว่าตัวเองย้อนกลับไปยืนอยู่หน้าห้องเเต่งตัวที่มีชื่อ'เตนล์'ติดไว้ นึกถึงใบหน้าจิ้มลิ้มของรุ่นพี่ตัวบางที่เอียงคออย่างน่าเอ็นดู สัมผัสนุ่มๆที่หลังมือนั่นผมก็ยังจำได้ดี
แต่ว่านะ ผมไม่ได้พูดอะไรบางอย่างออกไป…
ผมไม่ได้บอกทุกคนไปว่า…
เตนล์ฮยองตัวจริงเนี่ยนอกจากเต้นโคตรเก่งแล้วยังโคตรน่ารักเลยครับ❤
0 notes